วกมาเรื่องที่ตั้งใจจะเขียนดีกว่า มีหลายคนที่มีความกล้าที่จะทำในสิ่งที่แตกต่างเพื่อให้ที่ดีขึ้น โดยเฉพาะกับรังสีเทคนิคไทย คำว่ารังสีเทคนิคไทยผมหมายรวมถึง นักรังสีเทคนิค จิต วิญญาณ เกียรติภูมิ ความเป็นนักรังสีเทคนิค และทุกๆอย่างที่เกี่ยวกับรังสีเทคนิคของประเทศไทย แต่หลายคนเหล่านั้นอาจชอกช้ำเพราะมีชาวเราอีกหลายคนที่ไม่เข้าใจสิ่งที่เขาเหล่านั้นได้ทำไป โรคท้อก็ถามหา บางคนที่ทุ่มเทก็ฝ่อและเหี่ยวไปเลยอย่างน่าเสียดาย การให้เกียรติกัน การให้กำลังใจกัน การเห็นคุณค่าของกันและกัน ในยุคแห่งการเริ่มต้นบุกเบิก (โดยเฉพาะคนที่ใกล้ๆกัน ในชุมชนเดียวกัน) น่าจะดีกว่าอย่างมากๆๆไหมครับ มันจะดีกว่าการที่เรา พูดถึง รู้สึก แสดงออก ในเชิงเห็นคุณค่าหรือยกย่องใครก็ไม่รู้ที่อยู่ไกลจากชุมชนเราเหลือเกิน ว่าเก่ง ว่าดี ว่าเจ๋ง แม้ใครคนนั้นไม่ได้สนใจเรา ไม่ได้ให้คุณอะไรกับชุมชนของเราเลยแม้แต่น้อย
ชาวเราหลายคนที่ทำงานในโรงพยาบาลชุมชน ซึ่งมีแค่เครื่องเอกซเรย์ธรรมดา ไม่มีเครื่องมือรังสีที่ทันสมัย ราคาแพง เรียกว่าอยู่ในที่แห้งแล้งกันดานทางเครื่องมือและเทคโนโลยีมาก มาบ่นกับผมทำนองน้อยเนื้อต่ำใจ ที่ต้องทำงานในสภาพนี้ ดูไม่ค่อยน่าตื่นเต้น และก็ไม่มีใครเหลียวแล เรียนมาแทบเป็นแทบตาย แต่ให้ทำแค่นี้ ผมก็ให้กำลังใจไปว่า เราต้องมีศัทรา เอาประโยชน์ประชาชนเป็นที่ตั้ง ทำงานให้เกิดความสนุกสนาน ทำตรงนั้นให้ดีที่สุดจนสุดความสามารถของเรา เสมือนว่าตรงนั้นคือบ้านของเรา ถ้าเราทำจนบ้านดีน่าอยู่อาศัย เราก็อยู่ดีมีสุขไปด้วย ถ้าเราหนีไปทำงานในที่ที่มันมีอะไรพร้อมหมดแล้ว มองอีกด้านหนึ่งมันจะสนุกหรือมันตรงไหน เพราะพร้อมหมดแล้ว เราจะไปทำอะไรได้ ก็มีชาวเราที่ทำงานในที่ที่อุดมสมบูรณ์เกือบจะทุกอย่าง มาบ่นให้ผมฟังเหมือนกันว่าทำไมที่ที่ทำงานอยู่มันแห้งแล้งน้ำใจเหลือเกิน ผมก็ได้แต่รำพึงในใจว่าโลกนี้หาความพอดียาก เลยคิดถึงคำพระที่ว่า จงพอใจในสิ่งที่ตนมี วงเล็บอย่างถูกต้อง หมายความว่า ไอ้ที่เราได้มาหรือมีนั้นจะต้องมีหรือได้มาอย่างถูกต้องตามทำนองคลองธรรม ไม่ทุจริต ฉ้อโกง หรือใช่เล่ห์กลเอามาเป็นของตนเอง
อาจารย์สุพจน์ อ่างแก้ว ชื่อนี้ชาวเรารู้จักดี ท่านเป็นผู้ให้กำเนิดวิชาชีพนี้ครั้งแรกในประเทศไทย อาจารย์สุพจน์ต้องลำบากและขมขื่นแสนสาหัส กว่าวิชาชีพนี้จะเป็นตัวตนได้อย่างปัจจุบันนี้ ผมมีโอกาสได้พูดคุยกับอาจารย์สุพจน์ค่อนข้างบ่อยมากในฐานะผู้ใต้บังคับบัญชาและหลังจากที่อาจารย์เกษียณแล้ว ทุกครั้งที่คุยกัน อาจารย์จะมีเรื่องดีๆ ข้อคิดดีๆ มาให้ผมได้ขบคิด บางเรื่องก็นำไปปฏิบัติในชีวิตจริง หลังเกษียณอาจารย์สุพจน์ท่านจะมาที่คณะฯที่ที่ท่านเคยทำงานอยู่ที่เดียวกับผม เพื่อสอนนักศึกษา และอ่านฟิล์มเอกซเรย์ที่ออกบริการชุมชนทุกอาทิตย์แต่ระยะหลังสุขภาพท่านไม่เอื้ออำนวย ท่านมักจะแวะเข้ามาหาผมที่ห้องทำงานและพูดคุยกัน อาจารย์สุพจน์สามารถคุยได้ทุกเรื่อง และเป็นเรื่องที่มีสาระเสมอ และผมจะรู้สึกเหมือนว่าอาจารย์มาช่วยเคาะสนิมในตัวผม ทำให้ผมโล่งและตาสว่างหลายเรื่อง วันหนึ่งได้คุยกับท่านและผมถามท่านว่า สมัยที่ท่านไปดูงานรังสีเทคนิคในต่างประเทศ ท่านมีโอกาสที่จะอยู่อาศัยและทำงานในต่างประเทศได้เลย เพียงแค่ใช้ทุนรัฐบาล และเงินเดือนที่ต่างประเทศก็สูงมากด้วย ทำงานไม่นานก็คุ้มกับเงินที่ชดใช้รัฐบาลแล้ว ท่านฟังจบแล้วก็ยิ้มพร้อมกับตอบว่า "ถ้าจะบีบคั้นหาความสามารถและความดีในตัวผม คงได้เป็นน้ำสักหยดหนึ่งเห็นจะได้ น้ำหยดนี้ ถ้าเราไปหยดในที่ที่ชุ่มชื้นอยู่แล้ว มันคงไม่มีค่าหรือมีความหมายสักเท่าไร เพราะมันชื้นแฉะอยู่แล้ว เหมือนในต่างประเทศที่เข้าพร้อมอยู่แล้ว ตัวผมคงไม่สามารถทำอะไรให้เขาได้มากเท่าไร แต่ถ้าเราเอาหยดน้ำนี้ไปหยดในที่ที่แห้งแล้ง แม้เพียงหยดเดียวก็ดูมีค่ายิ่ง เหมือนประเทศไทยของเรา ที่แห้งแล้งและขาดแคลนอย่างมากในเรื่องรังสี ถ้าผมมาอยู่ตรงนี้ที่ประเทศไทย ผมก็จะช่วยทำประโยชน์ได้มาก"
ถ่ายที่คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ หาดใหญ่ |
มานัส มงคลสุข
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น