วันพุธที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

10th RT Consortium: เรื่องเล่าสบายๆ

(1052 ครั้ง)
เกริ่น
นายกสมาคมรังสีเทคนิคแห่งประเทศไทย
วันที่ 19-21 กรกฎาคม 2555 ผมได้เดินทางไปประชุม 10th RT Consortium หรือการสัมมนาสถาบันผู้ผลิตบัณฑิตสาขารังสีเทคนิค ครั้งที่ 10 ที่พิษณุโลกโดยที่เจ้าบ้านคือ ภาควิชารังสีเทคนิคนเรศวรเป็นเจ้าภาพ ทีแรกผมเข้าใจว่าจะประชุมกันที่มหาวิทยาลัยนเรศวร แต่พอโปรแกรมออกมาว่าไปประชุมที่ภูแก้วรีสอร์ท อำเภอเขาค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์ จึงเกิดแรงเร้าจิตกระตุ้นใจที่อยากจะไปประชุมมากยิ่งขึ้น อยากไปสัมผัสบรรยากาศธรรมชาติ ป่าไม้ ขุนเขา อากาศที่เย็นสบาย และโดยเฉพาะอย่างยิ่งได้พบกับเพื่อนอาจารย์จากทุกสถาบัน ได้พูดคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์กันอย่างกัลยาณมิตร ย่อมเป็นความสุขอีกแบบที่หาได้ยากยิ่ง

ประธานอนุกรรมการวิชาชีพด้านจรรยาบรรณ
การประชุมนี้ เป็นการประชุมที่จัดขึ้นทุกปี หัวหน้าภาควิชา ประธานหลักสูตรและอาจารย์ที่เกี่ยวข้องจากสถาบันผู้ผลิตรังสีเทคนิค รวมถึงอาจารย์รังสีแพทย์คือ อาจารย์จิตเจริญที่เราเรียกกันว่าพี่ JJ ที่น่ารักของน้องๆ (สองครั้งหลังท่านไม่ได้เข้าประชุมด้วย) จะมาร่วมพูดคุยกันในเรื่องต่างๆ หลักๆก็เป็นเรื่องเกี่ยวข้องกับหลักสูตร การจัดการศึกษา เพื่อพัฒนาสู่ความเป็นเลิศในด้านการผลิตบัณฑิตรังสีเทคนิคยิ่งๆขึ้น หลังๆจะมีประธานคณะอนุกรรมการวิชาชีพสาขารังสีเทคนิคด้านจรรยาบรรณฯและนายกสมาคมรังสีเทคนิคแห่งประเทศไทยเข้าร่วมประชุมด้วย

ส่วนตัวผมเองนั้นโดยหน้าที่ความรับผิดชอบก็เลยต้องเข้าประชุมทุกครั้งตั้งแต่ครั้งแรกจัดที่เชียงใหม่ จนถึงครั้งที่ 10 ที่นเรศวรเป็นเจ้าภาพ สถาบันแต่ละแห่งรับผิดชอบงบประมาณที่ใช้กันเอง และผลัดกันเป็นเจ้าภาพ การจัดประชุมครั้งหลังๆได้รับน้ำใจ คือเงินสนับสนุนส่วนหนึ่งไม่มากนักจากสมาคมรังสีเทคนิคแห่งประเทศไทย ต้องขอขอบคุณสมาคมรังสีเทคนิคแห่งประเทศไทยครับ
ภาพใหญ่ๆหลักๆ ของสาระการประชุม มีความเชื่อมโยงโดยตรงกับคณะกรรมการวิชาชีพฯ สมาคมวิชาชีพ สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ)  ฯลฯ เป็นระบบกลไกหนึ่งของการประกันคุณภาพการศึกษาสู่ความเป็นเลิศ จึงเป็นเรื่องที่มีความสำคัญยิ่งของสถาบันฯทุกแห่ง ที่คณาจารย์จะได้มาร่วมกันระดมสมอง และนำผลลัพธ์ไปเป็นแนวทางในการบริหารงานและปฏิบัติให้สอดคล้องกัน

การเดินทาง
การประชุมครั้งนี้ เราตกลงกันว่าจะพูดคุยกันเรื่อง การจัดทำข้อสอบ สาขารังสีเทคนิค ให้สอดคล้องตามสมรรถนะและมาตรฐานวิชาชีพสำหรับผู้ประกอบโรคศิลปะสาขารังสีเทคนิค ดังนั้น ทีมอาจารย์จากภาควิชารังสีเทคนิคมหิดล จึงขออนุมัติต้นสังกัดไปร่วมประชุมเยอะหน่อย (หมายความว่าเมื่อต้นสังกัดอนุมัติ ต้นสังกัดจะเป็นผู้สนับสนุนงบประมาณการเดินทางและที่พัก) คือ รวมผมด้วยเป็น 8 คน ก็เพื่อให้มีอาจารย์ที่มีความเชี่ยวชาญในด้านต่างๆเข้าร่วมครบทุกหมวดการจัดทำข้อสอบ
เราเดินทางแยกเป็นสองกลุ่ม กลุ่มที่หนึ่งจำนวน 5 คนเดินทางโดยรถตู้ ออกจากกรุงเทพฯตั้งแต่ 6.00 น. ของวันที่ 19 กรกฎาคม มุ่งตรงสู่เขาค้อ ถึงเขาค้อประมาณเที่ยงวัน ได้ข่าวว่าสนุกกันมาก กลุ่มที่สองจำนวน 3 คนมีผมด้วยเดินทางโดยเครื่องบิน ต้องตื่นตั้งแต่ตีสามครึ่งออกจากบ้านไปสนามบินดอนเมืองให้ทันขึ้นเครื่อง ที่สนามบินได้พบกับทีมอาจารย์จากรามคำแหงอีก 3 ท่าน สปิริตท่านสูงมากเพราะผมจำได้ว่าท่านเข้าร่วมประชุมทุกครั้งตั้งแต่ครั้งที่หนึ่งเรื่อยมาเลย
เครื่องบินออกจากดอนเมือง 6.20 น.ไปสนามบินพิษณุโลกและถึงเวลา 6.55 น. กัปตันรายงานว่าเรามาถึงพิษณุโลกเร็วกว่าตารางบิน 15 นาที จากนั้นเจ้าภาพ ทีมอาจารย์นเรศวรนำรถตู้มารับที่สนามบิน แวะรับประทานโจ๊กและเลือดหมูต้ม แล้วพาขึ้นเขาค้อ ระหว่างทางฝนตกเป็นระยะ ถึงเขาค้อ 9.30 น. (เร็วกว่าทีมที่เดินทางโดยรถตู้จากกรุงเทพฯ) เมื่อลงทะเบียนเข้าที่พักแล้ว ก็มาประชุมกันเลย

มีอาจารย์จากมหาวิทยาลัยต่างๆมาร่วมประชุมด้วยรวมแล้วประมาณเกือบ 30 คน โดยมาจาก มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มหาวิทยาลัยรามคำแหง มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ รวมเจ้าภาพมหาวิทยาลัยนเรศวรด้วย คราวนี้อาจารย์จากมหาวิทยาลัยขอนแก่นและจุฬาฯไม่ได้มาร่วมประชุมด้วย ทีมจากจุฬาฯไม่ได้มาร่วมด้วยคงเพราะอยู่ในระหว่างการจัดตั้งหน่วยงานที่รับผิดชอบการผลิต ส่วนทีมจากขอนแก่นนั้นได้ทราบว่ามีการประชุมภาควิชารังสีวิทยาพอดีจึงไม่สามารถมาได้

เรื่องคุยกันในที่ประชุม
อย่างที่บอกไปแล้วว่าการประชุมครั้งนี้ เราตกลงกันว่าจะพูดคุยกันเรื่อง การจัดทำข้อสอบ สาขารังสีเทคนิค ให้สอดคล้องตามสมรรถนะและมาตรฐานวิชาชีพสำหรับผู้ประกอบโรคศิลปะสาขารังสีเทคนิค ดังนั้น เนื้อหาส่วนใหญ่จึงเป็นการพิจารณาข้อสอบที่แต่ละสถาบันส่งเข้ามา แบ่งกลุ่มพิจารณาตามกลุ่มวิชา อาจารย์ที่มีความชำนาญเรื่องไหนก็เข้ากลุ่มนั้น สรุปแล้วได้ข้อสอบที่สามารถส่งให้ ก.ช. พิจารณาใช้จำนวนไม่น้อยเลย
อีกส่วนหนึ่ง เจ้าภาพนเรศวรเชิญให้ผมพูดเรื่อง การเตรียมพร้อมของสถาบันผู้ผลิต บัณฑิตสาขาวิชารังสีเทคนิคสู่ประชาคมอาเซียน ซึ่งมีประเด็นที่สถาบันต้องเตรียมการและลงมือทำทันทีอยู่หลายเรื่อง ซึ่งผมจะได้เขียนเล่าให้ฟังต่อไป เอาเฉพาะเรื่องนี้เรื่องเดียวเลย จะได้เล่าให้ละเอียด




เรื่องคุยระหว่างพัก
ซื้อกลับมาหนึ่งกิโล ยังไม่กล้าหุงครับ
ระดมสมองกันอย่างหนัก ระหว่างพักได้มีโอกาสพูดคุยเรื่องทั่วๆไปกับเพื่อนอาจารย์หลายๆคน มีเรื่องเล่าสบายๆ จากวงสนทนาที่มีผม อาจารย์จากเชียงใหม่และสงขลา ร่วมสนทนากัน ไม่มีเรื่องการคัดเลือกข้อสอบ  อาจารย์สมบัติจากสงขลาสงสัยเรื่อง ไก่ขัน ที่ผมเขียนในเฟสบุ๊คไว้ว่า

ที่ภูแก้วรีสอร์ทเขาค้อ น่าจะได้ยินเสียงไก่ขันตอนเช้าๆนะแล้วตะวันก็ขึ้นทอแสงงาม แต่คิดว่าคงเป็นเสียงไก่ขันที่ขันมาจากไก่ที่ไม่ต้องขันตะวันก็ขึ้น..อิอิ..อย่างงนะ

ทำให้อาจารย์สมบัติเข้าใจว่าผมอยู่ที่เขาค้อแล้ว จริงๆขณะโพสต์ข้อความ ผมยังอยู่ที่กรุงเทพฯ ผมได้ทีก็เลยถามทุกคนที่นั่งสนทนากันอยู่ว่า มีใครเคยได้ยินคำว่า ไก่ขัน ตะวันขึ้น บ้าง ปรากฏว่า ทุกคนส่ายหน้า แปลว่าไม่เคยได้ยิน ผมจึงได้จังหว่ะเล่าให้ฟังว่า
เป็นเรื่องที่ผมได้ยินมาตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัย เป็นเรื่องเกี่ยวกับไก่ฝูงหนึ่ง มีหัวหน้าไก่แข็งแรงและมีอาวุโสหน่อยเป็นที่ยอมรับนับถือ ทุกๆวันตอนเช้ามืด หัวหน้าไก่จะบินขึ้นไปบนต้นไม้ และเริ่มส่งเสียงขันดังลั่นได้ยินไปไกล ทำให้ไก่ตัวอื่นๆส่งเสียงขันตาม สักพักดวงตะวันก็เริ่มขึ้นส่องแสงทองจับขอบฟ้า เป็นสัญญาณว่าวันใหม่กำลังเริ่มแล้ว
หัวหน้าไก่บอกกับไก่ตัวอื่นๆทำนองปลูกฝังความเชื่อว่า หากฉันไม่ส่งเสียงขันวันใด วันนั้นดวงตะวันจะไม่ขึ้น เราจะไม่มีแสงสว่าง โลกทั้งโลกจะมืดมิด และพวกเราจะตายกันหมด บรรดาไก่ทั้งหลายก็เชื่อฟังตามคำของหัวหน้าไก่ ไม่มีใครกล้าเถียงแม้แต่ตัวเดียว เพราะมันเป็นจริงตามที่หัวหน้าไก่บอกทุกวัน คือ ขันปั๊บ ดวงตะวันขึ้นปึ๊บ หรือไก่ขัน ตะวันขึ้น นั่นแหล่ะคือที่มาของคำถามที่ว่า เคยได้ยินคำนี้ไหม

เวลาผ่านไป เช้ามืดวันหนึ่ง หัวหน้าไก่ซึ่งแก่มากแล้ว และป่วย ไม่มีแรงจะบินขึ้นไปขันบนต้นไม้ ไก่ลูกน้องกลัวมาก บอกกับหัวหน้าไก่ว่า ท่านต้องอดทนปีนต้นไม้ขึ้นไปขันให้ได้ ไม่เช่นนั้นพวกเราจะพากันตายหมด หัวหน้าไก่ส่ายหน้า ไม่ไหวหรอกป่วยขนาดนี้ ไก่ลูกน้องต้องใช้วิธีหิ้วปีกหัวหน้าขึ้นต้นไม้ไป จากนั้นหัวหน้าไก่ก็รวบรวมพลังทั้งหมดที่มีอยู่โก่งคอขัน ปรากฏว่าการขันวันนั้น เป็นการขันครั้งสุดท้ายของหัวหน้าไก่ เพราะเมื่อขันได้ครั้งเดียวก็หมดแรงและตกลงมาตาย
ไก่ที่เหลือกลัวจนรนราน คือกลัวว่าดวงตะวันจะไม่ขึ้น กลัวตายเพราะถูกฝังความคิดไว้ว่า ต้องหัวหน้าไก่ขันเท่านั้นดวงตะวันจึงจะขึ้น ไก่จับกลุ่มรวมตัวกันยอมรับชะตากรรม สักครู่ดวงตะวันก็เริ่มส่องแสงตามธรรมชาติของมัน ทำเอาฝูงไก่นั้นถึงกับตะลึงงัน อะไรกัน หัวหน้าไม่ขัน แล้วตะวันขึ้นได้อย่างไร แปลกมากๆๆ...จบครับ
   อ้าวอาจารย์เล่นจบดื้อๆเลยรึครับ อาจารย์จะบอกอะไรรึเปล่า
       คืออยากจะบอกว่า....เราไม่ได้เก่งหรือแน่เพียงคนเดียวหรอกครับ นอกนั้นตีความกันเอง...จบอีกทีครับ

สังสรรค์
เย็นของการสัมมนาวันที่สอง อากาศเย็นสบายครับประมาณ 21 องศา เจ้าภาพนเรศวรจัด Dinner Party สนุกสนาน อบอวนด้วยบรรยากาศมิตรไมตรี อาจารย์หลายท่านทำให้นักร้องมืออาชีพชิดซ้ายไปเลย

Related Link:
เส้นทางเดินของ RT Consortium

จำนวนผู้อ่านบทความนี้ 1052 ครั้ง (25กค2555-23มีค2556)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น