เกริ่น
นายกสมาคมรังสีเทคนิคแห่งประเทศไทย |
ประธานอนุกรรมการวิชาชีพด้านจรรยาบรรณ |
ภาพใหญ่ๆหลักๆ ของสาระการประชุม มีความเชื่อมโยงโดยตรงกับคณะกรรมการวิชาชีพฯ
สมาคมวิชาชีพ สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ) ฯลฯ เป็นระบบกลไกหนึ่งของการประกันคุณภาพการศึกษาสู่ความเป็นเลิศ
จึงเป็นเรื่องที่มีความสำคัญยิ่งของสถาบันฯทุกแห่ง ที่คณาจารย์จะได้มาร่วมกันระดมสมอง
และนำผลลัพธ์ไปเป็นแนวทางในการบริหารงานและปฏิบัติให้สอดคล้องกัน
การเดินทาง
การประชุมครั้งนี้ เราตกลงกันว่าจะพูดคุยกันเรื่อง “การจัดทำข้อสอบ สาขารังสีเทคนิค
ให้สอดคล้องตามสมรรถนะและมาตรฐานวิชาชีพสำหรับผู้ประกอบโรคศิลปะสาขารังสีเทคนิค” ดังนั้น ทีมอาจารย์จากภาควิชารังสีเทคนิคมหิดล จึงขออนุมัติต้นสังกัดไปร่วมประชุมเยอะหน่อย
(หมายความว่าเมื่อต้นสังกัดอนุมัติ
ต้นสังกัดจะเป็นผู้สนับสนุนงบประมาณการเดินทางและที่พัก) คือ รวมผมด้วยเป็น 8 คน ก็เพื่อให้มีอาจารย์ที่มีความเชี่ยวชาญในด้านต่างๆเข้าร่วมครบทุกหมวดการจัดทำข้อสอบ
เราเดินทางแยกเป็นสองกลุ่ม กลุ่มที่หนึ่งจำนวน 5 คนเดินทางโดยรถตู้ ออกจากกรุงเทพฯตั้งแต่
6.00 น. ของวันที่ 19 กรกฎาคม มุ่งตรงสู่เขาค้อ
ถึงเขาค้อประมาณเที่ยงวัน ได้ข่าวว่าสนุกกันมาก กลุ่มที่สองจำนวน 3 คนมีผมด้วยเดินทางโดยเครื่องบิน ต้องตื่นตั้งแต่ตีสามครึ่งออกจากบ้านไปสนามบินดอนเมืองให้ทันขึ้นเครื่อง
ที่สนามบินได้พบกับทีมอาจารย์จากรามคำแหงอีก 3 ท่าน สปิริตท่านสูงมากเพราะผมจำได้ว่าท่านเข้าร่วมประชุมทุกครั้งตั้งแต่ครั้งที่หนึ่งเรื่อยมาเลย
เครื่องบินออกจากดอนเมือง 6.20 น.ไปสนามบินพิษณุโลกและถึงเวลา 6.55
น. กัปตันรายงานว่าเรามาถึงพิษณุโลกเร็วกว่าตารางบิน 15 นาที จากนั้นเจ้าภาพ ทีมอาจารย์นเรศวรนำรถตู้มารับที่สนามบิน
แวะรับประทานโจ๊กและเลือดหมูต้ม แล้วพาขึ้นเขาค้อ ระหว่างทางฝนตกเป็นระยะ ถึงเขาค้อ
9.30 น. (เร็วกว่าทีมที่เดินทางโดยรถตู้จากกรุงเทพฯ) เมื่อลงทะเบียนเข้าที่พักแล้ว
ก็มาประชุมกันเลย
มีอาจารย์จากมหาวิทยาลัยต่างๆมาร่วมประชุมด้วยรวมแล้วประมาณเกือบ
30 คน โดยมาจาก มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
มหาวิทยาลัยรามคำแหง มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ รวมเจ้าภาพมหาวิทยาลัยนเรศวรด้วย คราวนี้อาจารย์จากมหาวิทยาลัยขอนแก่นและจุฬาฯไม่ได้มาร่วมประชุมด้วย
ทีมจากจุฬาฯไม่ได้มาร่วมด้วยคงเพราะอยู่ในระหว่างการจัดตั้งหน่วยงานที่รับผิดชอบการผลิต
ส่วนทีมจากขอนแก่นนั้นได้ทราบว่ามีการประชุมภาควิชารังสีวิทยาพอดีจึงไม่สามารถมาได้
เรื่องคุยกันในที่ประชุม
อย่างที่บอกไปแล้วว่าการประชุมครั้งนี้ เราตกลงกันว่าจะพูดคุยกันเรื่อง
“การจัดทำข้อสอบ สาขารังสีเทคนิค
ให้สอดคล้องตามสมรรถนะและมาตรฐานวิชาชีพสำหรับผู้ประกอบโรคศิลปะสาขารังสีเทคนิค” ดังนั้น
เนื้อหาส่วนใหญ่จึงเป็นการพิจารณาข้อสอบที่แต่ละสถาบันส่งเข้ามา
แบ่งกลุ่มพิจารณาตามกลุ่มวิชา อาจารย์ที่มีความชำนาญเรื่องไหนก็เข้ากลุ่มนั้น
สรุปแล้วได้ข้อสอบที่สามารถส่งให้ ก.ช. พิจารณาใช้จำนวนไม่น้อยเลย
อีกส่วนหนึ่ง เจ้าภาพนเรศวรเชิญให้ผมพูดเรื่อง การเตรียมพร้อมของสถาบันผู้ผลิต บัณฑิตสาขาวิชารังสีเทคนิคสู่ประชาคมอาเซียน ซึ่งมีประเด็นที่สถาบันต้องเตรียมการและลงมือทำทันทีอยู่หลายเรื่อง
ซึ่งผมจะได้เขียนเล่าให้ฟังต่อไป เอาเฉพาะเรื่องนี้เรื่องเดียวเลย
จะได้เล่าให้ละเอียด
เรื่องคุยระหว่างพัก
ซื้อกลับมาหนึ่งกิโล ยังไม่กล้าหุงครับ |
ระดมสมองกันอย่างหนัก ระหว่างพักได้มีโอกาสพูดคุยเรื่องทั่วๆไปกับเพื่อนอาจารย์หลายๆคน
มีเรื่องเล่าสบายๆ จากวงสนทนาที่มีผม อาจารย์จากเชียงใหม่และสงขลา ร่วมสนทนากัน
ไม่มีเรื่องการคัดเลือกข้อสอบ อาจารย์สมบัติจากสงขลาสงสัยเรื่อง
ไก่ขัน ที่ผมเขียนในเฟสบุ๊คไว้ว่า
“ที่ภูแก้วรีสอร์ทเขาค้อ
น่าจะได้ยินเสียงไก่ขันตอนเช้าๆนะแล้วตะวันก็ขึ้นทอแสงงาม
แต่คิดว่าคงเป็นเสียงไก่ขันที่ขันมาจากไก่ที่ไม่ต้องขันตะวันก็ขึ้น..อิอิ..อย่างงนะ”
ทำให้อาจารย์สมบัติเข้าใจว่าผมอยู่ที่เขาค้อแล้ว
จริงๆขณะโพสต์ข้อความ ผมยังอยู่ที่กรุงเทพฯ
ผมได้ทีก็เลยถามทุกคนที่นั่งสนทนากันอยู่ว่า มีใครเคยได้ยินคำว่า “ไก่ขัน ตะวันขึ้น”
บ้าง ปรากฏว่า ทุกคนส่ายหน้า แปลว่าไม่เคยได้ยิน ผมจึงได้จังหว่ะเล่าให้ฟังว่า
เป็นเรื่องที่ผมได้ยินมาตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัย
เป็นเรื่องเกี่ยวกับไก่ฝูงหนึ่ง มีหัวหน้าไก่แข็งแรงและมีอาวุโสหน่อยเป็นที่ยอมรับนับถือ
ทุกๆวันตอนเช้ามืด หัวหน้าไก่จะบินขึ้นไปบนต้นไม้ และเริ่มส่งเสียงขันดังลั่นได้ยินไปไกล
ทำให้ไก่ตัวอื่นๆส่งเสียงขันตาม สักพักดวงตะวันก็เริ่มขึ้นส่องแสงทองจับขอบฟ้า
เป็นสัญญาณว่าวันใหม่กำลังเริ่มแล้ว
หัวหน้าไก่บอกกับไก่ตัวอื่นๆทำนองปลูกฝังความเชื่อว่า
หากฉันไม่ส่งเสียงขันวันใด วันนั้นดวงตะวันจะไม่ขึ้น เราจะไม่มีแสงสว่าง
โลกทั้งโลกจะมืดมิด และพวกเราจะตายกันหมด
บรรดาไก่ทั้งหลายก็เชื่อฟังตามคำของหัวหน้าไก่ ไม่มีใครกล้าเถียงแม้แต่ตัวเดียว
เพราะมันเป็นจริงตามที่หัวหน้าไก่บอกทุกวัน คือ “ขันปั๊บ ดวงตะวันขึ้นปึ๊บ” หรือ“ไก่ขัน ตะวันขึ้น” นั่นแหล่ะคือที่มาของคำถามที่ว่า
เคยได้ยินคำนี้ไหม
เวลาผ่านไป เช้ามืดวันหนึ่ง หัวหน้าไก่ซึ่งแก่มากแล้ว
และป่วย ไม่มีแรงจะบินขึ้นไปขันบนต้นไม้ ไก่ลูกน้องกลัวมาก บอกกับหัวหน้าไก่ว่า
ท่านต้องอดทนปีนต้นไม้ขึ้นไปขันให้ได้ ไม่เช่นนั้นพวกเราจะพากันตายหมด
หัวหน้าไก่ส่ายหน้า ไม่ไหวหรอกป่วยขนาดนี้
ไก่ลูกน้องต้องใช้วิธีหิ้วปีกหัวหน้าขึ้นต้นไม้ไป จากนั้นหัวหน้าไก่ก็รวบรวมพลังทั้งหมดที่มีอยู่โก่งคอขัน
ปรากฏว่าการขันวันนั้น เป็นการขันครั้งสุดท้ายของหัวหน้าไก่ เพราะเมื่อขันได้ครั้งเดียวก็หมดแรงและตกลงมาตาย
ไก่ที่เหลือกลัวจนรนราน คือกลัวว่าดวงตะวันจะไม่ขึ้น
กลัวตายเพราะถูกฝังความคิดไว้ว่า ต้องหัวหน้าไก่ขันเท่านั้นดวงตะวันจึงจะขึ้น ไก่จับกลุ่มรวมตัวกันยอมรับชะตากรรม
สักครู่ดวงตะวันก็เริ่มส่องแสงตามธรรมชาติของมัน ทำเอาฝูงไก่นั้นถึงกับตะลึงงัน “อะไรกัน หัวหน้าไม่ขัน
แล้วตะวันขึ้นได้อย่างไร แปลกมากๆๆ”...จบครับ
อ้าวอาจารย์เล่นจบดื้อๆเลยรึครับ อาจารย์จะบอกอะไรรึเปล่า
คืออยากจะบอกว่า....เราไม่ได้เก่งหรือแน่เพียงคนเดียวหรอกครับ นอกนั้นตีความกันเอง...จบอีกทีครับ
สังสรรค์
เย็นของการสัมมนาวันที่สอง อากาศเย็นสบายครับประมาณ 21 องศา เจ้าภาพนเรศวรจัด Dinner Party สนุกสนาน อบอวนด้วยบรรยากาศมิตรไมตรี อาจารย์หลายท่านทำให้นักร้องมืออาชีพชิดซ้ายไปเลย
Related Link:
เส้นทางเดินของ RT Consortium
จำนวนผู้อ่านบทความนี้ 1052 ครั้ง (25กค2555-23มีค2556)
อ้าวอาจารย์เล่นจบดื้อๆเลยรึครับ อาจารย์จะบอกอะไรรึเปล่า
คืออยากจะบอกว่า....เราไม่ได้เก่งหรือแน่เพียงคนเดียวหรอกครับ นอกนั้นตีความกันเอง...จบอีกทีครับ
สังสรรค์
เย็นของการสัมมนาวันที่สอง อากาศเย็นสบายครับประมาณ 21 องศา เจ้าภาพนเรศวรจัด Dinner Party สนุกสนาน อบอวนด้วยบรรยากาศมิตรไมตรี อาจารย์หลายท่านทำให้นักร้องมืออาชีพชิดซ้ายไปเลย
Related Link:
เส้นทางเดินของ RT Consortium
จำนวนผู้อ่านบทความนี้ 1052 ครั้ง (25กค2555-23มีค2556)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น