วันพฤหัสบดีที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2556

ประกายรังสีรำพึงรวมมิตร



     วันที่ 8 พฤศจิกายน วันรังสีเทคนิคโลก ซึ่งเป็นวันที่ศาสตราจารย์เรินท์เกนค้นพบเอกซเรย์เวียนมาครบอีกวาระหนึ่ง จึงขอรำลึกถึงวันรังสีเทคนิคโลกในปีนี้ ด้วยการนำเอาข้อคิดความเห็นในแบบฉบับของ ประกายรังสีรำพึง ที่โพสต์ในเฟสบุ๊คซึ่งกระจัดกระจายไปตามวันและเวลาต่างๆ ตามเหตุการณ์ มารวบรวมไว้ในที่เดียวกัน  โดยเลือกเอาเฉพาะที่น่าจะเป็นประโยชน์ต่อชาวเราในวงกว้าง อย่าถือว่าเป็นการสอนจระเข้ให้ว่ายน้ำนะครับ ถือซะว่าเป็นการแชร์กัน แลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกัน

     รำพึงปฐมบท
     เอกซเรย์ที่เราใช้ถ่ายภาพเอกซเรย์ผู้ป่วยทุกวัน มีสเปคตรัมแบบ Characteristic และ Bremsstrahlung มีการกระจายพลังงานเหมือนเขาพระวิหาร ทางขึ้นเขาอยู่ตรงพลังงานสูงสุด 150 keV ที่จังหวัดศรีสะเกษ และบริเวณ Characteristic คือปราสาทเขาพระวิหาร 


     รำพึง 01
ไม่น่าจะมีใครผิดหรอกชาวเราจะเชื่อไหม.....หลักกาลามสูตรบอกว่าอย่าเชื่อ.... เอางี้ ใคร่ครวญ...ถ้าเราบอกว่าสิ่งที่เขาทำนั้นผิด มันก็จะผิดตามสิ่งที่เรารู้ แต่เขาก็จะบอกว่าเขาทำถูกตามสิ่งที่เขารู้...จึงไม่มีประโยชน์อันใดที่จะบอกว่าใครผิดใครถูก ตราบใดที่เรายังเป็นคนธรรมดาที่ไม่รู้แจ้ง แต่จะมีประโยชน์อย่างมากเมื่อแก้ไขตัวเราเองซะ ....แค่นี้ก็ดีมากๆแล้ว

รำพึง 02
ปี 2554 น้ำท่วมบ้านถึงสะดือร่วมสองเดือน นั่งมองน้ำที่เข้ามาในบ้าน ได้เห็นความจริงว่า น้ำที่เอ่อเข้ามา ไม่มีช่องทางไหลออกไป ทำให้น้ำเน่า จะใช้อีเอ็มบอลหรือน้ำอีเอ็มก็ไม่ได้ผล แต่พอปล่อยน้ำดีลงไปผสมบ้างและกวนน้ำให้มีการเคลื่อนไหว อาการเน่าน้อยลง....จึงเห็นแจ้งในบัดดลว่า...มนุษย์เรา หากรับอย่างเดียวไม่รู้จักการให้ มันจะเน่าในที่สุด

รำพึง 03
2 สัปดาห์นี้ขึ้นล่องเชียงใหม่สองรอบ ไปทำงาน+เที่ยวเล็กๆครับ พบกัลยาณมิตร ได้เห็นธรรมชาติ ขุนเขาและป่าไม้ เพลินตาเพลินใจ เห็นต้นไม้มากมายทำให้นึกถึงคำสอนนานมาแล้วว่า ต้นไม้ ทำหน้าที่ของมันได้อย่างไม่ขาดตกเลย ให้ออกซิเจน ให้อาหารแก่เรา ไม่มีใครไปสั่งให้ต้นไม้ทำ มันทำของมันเอง มันรู้หน้าที่ของมัน มันไม่เคยอ้างเลยว่าตัวมันมีความสำคัญยิ่งนะ มนุษย์เราควรทำให้ได้อย่างต้นไม้”.....ฉะนี้แล

รำพึง 04
ในการทำงาน ถ้าชาวเราต้องพบกับคนที่มีอีโก้สูง เย่อหยิ่ง ไม่ฟังความคิดเห็นของใคร ขาดศรัทธา จะทำอะไรก็สร้างความปั่นป่วนวุ่นวาย สอนสั่งก็ไม่ได้ไม่ยอมฟัง....เยอะ....คงอึดอัดน่าดูเลยถ้าชาวเราวางใจไว้ไม่ถูกที่จริงไหมครับ ความจริงต้องขอบคุณเขาที่เขาทำให้เราได้เห็นใจเรา แต่ถ้ามันไม่ไหวแล้ว มันเหนือบ่ากว่าแรงมาก มันแก้ไม่ได้ อาจต้องนึกถึง พรหมทัณฑ์และนำมาใช้

รำพึง 05
เห็นคนข้างบ้านกำลังซ่อมฝาบ้านที่แย้มออกมาเยอะ เขาถือมีดโต้เล่มใหญ่และตะปูเดินออกมา ทีแรกก็คิดในใจว่า เอ!! นี่เขาจะตอกตะปูฝาบ้านให้มันแน่น หรือว่าจะฟันฝาบ้านทิ้ง ท่าทางเขาไม่ลังเลเลย เขากำมีดโต้ไว้และพลิกมันไปมา และแล้วก็เริ่มใช้สันมีดโต้ตอกตะปูจนฝาบ้านแน่น .....ปั้งๆๆๆๆๆ.... จึงเห็นแจ้งในบัดดลว่า..อืมมมม....แค่นี้แหล่ะ แค่นี้แหล่ะ

รำพึง 06
ที่เซ๊นปิ่นในเย็นวันหยุดมีผู้คนมากมาย และแล้ว โพซิตรอนก็ให้บังเอิญเดินสวนกับเนกาตรอน ทันใด ไหล่ของทั้งคู่ก็เกิดกระทบกัน ปกติ โพซิตรอนกับเนกาตรอนเป็นคู่อริกัน เจอกันเมื่อไหร่รับรองวินาศสันตะโร เมื่อเกิดเหตุการณ์เยี่ยงนี้ ไฉนเลยจะห้ามอยู่ เซ๊นปิ่นคงได้บรรลัยวายวอด มันรวดเร็วมาก โพซิตรอนหันควับกลับไปมองเนกาตรอนแล้วพูดว่า
     โพซิตรอน:...ขอโทษครับ
     ด้วยความงุนงง เนกาตรอนจึงเผลอพูดออกไปทันควันเช่นกันว่า
     เนกาตรอน:…”ขอ.. เอ่อ.. ขอโทษครับ
     จบแค่นี้ ..... สันติ

     รำพึง 07
เสวนากับสหายรู้ใจ ได้ความว่า
     นิวตรอน....นายว่าคนมีน้ำใจดีไหม
     โปรตอน....ดีอยู่แล้ว เออแล้วนายว่าคนไม่รู้จักหน้าที่ตัวเองจะเป็นไง
     นิวตรอน....ก็ไม่ดีน่ะซี
     โปรตอน....ถ้าไม่รู้จักหน้าที่ตัวเองแต่มีน้ำใจล่ะ
     นิวตรอน....อืมมมม!! ต้องระวังหน่อย เอางี้.. ยกตัวอย่าง แม่ใช้ให้โปรตอนไปซื้อกับข้าวที่ตลาด ระหว่างทางโปรตอนเห็นเขามีงานบวชนาคก็เข้าไปช่วย เสร็จแล้วเดินต่อไปมีงานศพก็เขาไปร่วมงานศพอีกจนเสร็จ กว่าจะซื้อกับข้าวกลับบ้านได้ก็มืดค่ำมากแล้ว ปล่อยให้แม่รอจนเป็นลมไป นายคิดว่าไง ไม่รู้จักหน้าที่แต่มีน้ำใจหรือเปล่า
     โปรตอน....!!

     รำพึง 08
เมื่อมองภาพเอกซเรย์ที่ใช้หลักการ shadow technique มีสิ่งหนึ่งซึ่งสอนใจเรา คือ.... สิ่งที่เห็นคือสิ่งที่มี สิ่งที่ไม่เห็นคือสิ่งที่ไม่มีหรืออาจมีก็เป็นได้ เช่น สุริยุปราคาเต็มดวง เราเห็นดวงจันทร์เป็นรูปวงกลมสีดำ โดยไม่เห็นดวงอาทิตย์ แต่เราก็รู้อยู่แก่ใจเราว่า ยังไงมันก็ยังมีดวงอาทิตย์อยู่ ไม่ได้หายไปไหน มันขึ้นกับตำแหน่งวัตถุและมุมมองของเรา

รำพึง 09
ชาวเรามีวิธีทำให้น้ำในถัง A สูงกว่าน้ำในถัง B ได้อย่างไร???
     ถ้าชาวเรากำลังคิดว่า ง่ายมาก ใช้วิธีเจาะถัง B ให้น้ำไหลออก สักวันน้ำในถัง B ก็จะต่ำกว่าถัง A .. นั่นก็เป็นวิธีหนึ่ง แต่เป็นวิธีที่น่ารังเกียจ ..เพราะอะไร? ก็เพราะวิธีนี้เหมือนคนที่เหยียบหัวคนอื่นเพื่อให้ตัวเองสูงขึ้น ...ควรละเว้น ควรละเว้น....ฉะนี้แล
               

     รำพึง 10
คุยกับชาวเรามาเยอะมากเรื่องหลักคิดเมื่อเกิด conflict สมมติเราเป็นพวกเดียวกับโพซิตรอน เมื่อโพซิตรอนเกิด conflict กับอิเล็กตรอน เราไม่ควรเลือกข้างโดยคิดว่า เพราะกลัวไม่มีเพื่อน เพราะเป็นพวกเดียวกัน มีโอกาสชนะ เพราะได้ประโยชน์ เพราะมีบุคคลน่าเชื่อถือ เพราะสอดคล้องกับตรรกะของเรา ฯลฯ แต่ควรพิจารณาข้อมูลให้ถ่องแท้ ด้วยวิจารณญาณอันสุดยอดของเราเสียก่อน ก่อนตัดสินใจจะอยู่ข้างใด หากพิจารณาแล้วผิดทั้งสองข้าง ก็อย่าไปเลือกข้าง...ตายเป็นตาย

รำพึง 11
โพซิตรอนกับอิเล็กตรอนเป็นปฏิอนุภาค (antiparticle) ของกันและกัน มันเกือบเหมือนกันทุกอย่าง คือมวลเท่ากัน ประจุไฟฟ้าเท่ากัน แค่ประจุต่างชนิดกันเท่านั้น แต่มันก็เป็นเหมือนคู่อริที่โกรธกันมาหลายชาติ เจอกันเมื่อไรจะเกิดวินาศสันตะโร (annihilation) เกิดการระเบิดได้ก้อนพลังงานออกมาสองก้อนเท่ากันวิ่งในทิศทางตามกฎ conservation of energy and momentum และคนเราก็ฉลาดพอที่จะใช้ประโยชน์จากการระเบิดนี้ในเครื่อง PET .....ดูๆไปแล้ว ความเป็นคู่อริของมันเหมือนคนเราเลย ที่มีร่างกายเหมือนกัน การกระทำเหมือนกันหลายอย่าง เช่น กินอาหาร มองเห็น ได้ยิน รู้สึกร้อนหนาว หายใจ อาบน้ำ เล่น FB ฯลฯ แค่คิด-กระทำต่างกันบ้าง ดันเป็นคู่อริกันได้ และเมื่อปะทะกันก็บรรลัยได้เช่นกัน แต่สิ่งที่ได้จากการปะทะกันนั้นจะนำไปใช้ประโยชน์ร่วมกันอะไรได้บ้าง...?? ถ้าหาประโยชน์จากการปะทะกันได้ยากนักก็ฝึกใจยอมรับความแตกต่างน่าจะดี


รำพึง 12
...มีเรื่องๆหนึ่ง เบาๆ.....
นิวตรอนและโปรตอนเป็นเพื่อนกันกำลังจะไปดูหนังด้วยกัน ทันใดนั้น นิวตรอนเห็นว่ามีทองคำตกอยู่ที่พื้นถนนน่าจะนานแล้วเพราะคนเหยียบย่ำจนเลอะเทอะ
นิวตรอน:... อ้าวทองนี่นา
โปรตอน:... ไม่เอาน่า ไม่ใช่หรอก ทองเก๊แหงๆ ถ้าทองจริง คนเห็นก่อนหน้าเราเค้าเก็บไปแล้ว เสียเวลาเปล่า ไปดูหนังดีกว่าเดี๋ยวไม่ทัน
แต่นิวตรอนไม่เชื่อใช้หลักกาลามสูตร จึงหยิบทองนั้นขึ้นมา ยอมเสียเวลาไปที่ร้านทองซึ่งอยู่ในห้างที่จะไปดูหนังนั่นแหล่ะ โปรตอนหงุดหงิด ที่สุด ร้านทองบอกว่าเป็นทองจริงถ้าลื้อจะขาย อั๊วให้หมื่นนึง... อ้าว....
     สำหรับโปรตอนเป็นคนมีเหตุผล ตรรกะของโปรตอนทีว่ามันเป็นทองเก๊ก็ใช้ได้ เรื่องนี้ โปรตอนมีความมืดบอดแบบไม่ได้ตั้งใจ เพราะเหตุผลและตรรกะ เพราะความลำเอียง เพราะทิฐิในใจ ที่เกิดจากความเชื่อฝังใจของเขาแบบนั้น มันจึงบดบังความเป็นจริงซะมิดเลย ... อดเลย
คนเรานี่มันชอบมองเห็นแต่ความแตกต่างจริงๆ  ไอ้ส่วนที่เหมือนกันมีไม่น้อย แต่มักมองไม่เห็น จริงๆนะ.....นั่นแหล่ะตัวการที่ทำให้เกิดความวุ่นวาย

     รำพึง 13
     เราเรียนรู้สิ่งที่ถูกต้อง กับเราได้เรียนรู้ความเป็นจริง หลายคนคิดว่ามันเหมือนกัน ....ไม่หรอก.... มันต่างกันเด็ดขาดครับ ..สิ่งที่ถูกต้อง มันจะถูกต้องภายใต้เงื่อนไขหนึ่งก็ได้ มันขึ้นกับ space&time ถูกต้องวันนี้ วันต่อไปอาจผิดก็ได้ แต่สิ่งที่เป็นจริง ไม่มีเงื่อนไขอะไร มันเป็นเช่นนั้น space&timeไม่มีอิทธิพลต่อความเป็นจริง ..... ว่าไหม

     รำพึง 14
     สมัยโบราณ เรามีความเป็นอยู่แบบปรับตัวให้เข้ากับธรรมชาติที่ธรรมชาติสร้าง มันไม่ค่อยจะวุ่นวายนักหรอก .... แต่ ปัจจุบันและอนาคต เรามีความเป็นอยู่ที่แตกต่างไปจากเมื่อก่อน ตรงไหนหรือครับ ก็ตรงที่เราต้องปรับตัวให้เข้ากับธรรมชาติที่เราสร้างมันขึ้นมาใหม่นะซิ อันนี้ดูวุ่นวายและโหดกว่า และมันอาจจะพังพินาศเพราะเราไปสร้างมันให้วุ่นวายนี่แหล่ะ

     รำพึง 15
     ได้ยินวัยรุ่น วัยเฟี้ยว คุยกันแถวร้านตัดผมว่า
การเนรคุณ การอกตัญญู การหักหลังกัน ไม่เกี่ยวกับการที่คนๆนั้นจะได้ดิบได้ดี ประสบความสำเร็จ”...
อืม!!...นี่คงเป็นเพราะคนที่ประสบความสำเร็จ ร่ำรวย ได้ดิบได้ดี ทั้งที่คนๆนั้นเป็นคนเนรคุณ อกตัญญู หักหลัง มีให้เห็นได้ไม่ยาก .... คนสมัยนี้คงเปลี่ยนไปตามยุคสมัย ที่มีเทคโนโลยีข่าวสารเข้ามามีบทบาทสำคัญต่อชีวิตเค้า ใช่ว่าเทคโนโลยีไม่ดี แต่หากความคิดคนยอมรับความไม่ดีง่ายๆ แหวกแนวไกลไปจากความดีแล้วไซร้ สังคมสมัยนี้และอนาคตคงต้องระวังตัวกันให้มากๆ มันเอาแน่

รำพึง 16
     ฝนตกก็ดี มีน้ำใช้
     ฝนไม่ตกก็ดี มีแดดใช้
     สอบตกก็ดี ได้เรียนซ้ำ
     ไฟฟ้าดับทั้งประเทศก็ดี ได้พักเล่น FB
     ทองคำขึ้นราคาก็ดี ไม่ต้องเสียตัง
     นอนคนเดียวก็ดี เงียบดี
     ใครเกลียดเราก็ดี ดีกว่าเขาด่าเรา
     ใครด่าเราก็ดี ดีกว่าเอาไม้ฟาดหัวเรา
     ....
     ....
     โปรแกรมจิตคิดบวก เป็นประจำ.....น่าจะดี

     รำพึง 17
เอาเถอะ...คิดซะว่า...
เมื่อเราได้ทำงานด้วยดวงจิตที่ยังประโยชน์แก่ผู้อื่นจริงๆ...ก็เท่ากับสะสมบุญไว้ในดวงจิตแบบไม่ตั้งใจทุกวัน จะมีประกายรังสีแผ่เปล่งออกมาผ่านทางแววตาและใบหน้า งามระยิบระยับเชียวแหล่ะ

รำพึง 18
มีชาวเราส่งคำถามมาทาง FB ถามว่า..... หนูถ่ายภาพเอกซเรย์ผู้ป่วยด้วยเครื่องเอกซเรย์ธรรมด๊าธรรมดา มีเครื่องล้างฟิล์ม เป็นหลักเลย มันก็ใช้งานได้ดีนานแล้วไม่เคยเบี้ยว อาจารย์คะหนูสงสัยว่า แล้วทำไมเราต้องทำ QC เราทำ QC เพื่ออะไร ทำ QC แล้วจะได้อะไร ไม่ต้องทำได้ไหม
ผมก็เลยตอบไปว่า... งั้นตอบผมมาก่อนซิว่า เราอาบน้ำแต่งตัวทุกวันเพื่ออะไร ทำไมต้องทำ ทำแล้วได้อะไร ไม่ทำได้ไหม
ค่ะอาจารย์ ^__^”.......เงียบ

รำพึง 19
มีบางคนถึงหลายคนบ่นให้ฟังว่า... ทำงานรูทีนเบื่อจัง เช้า สาย บ่าย เย็น ค่ำมืด ดึกดื่น เหมือนเดิม เซ็งง่ะอาจารย์ ทำไงดี
ก็เลยจัดไป... ที่รอดอยู่ได้ทุกวันนี้เพราะงานรูทีนมิใช่รึ ดูอย่างการหายใจของเราก็เป็นรูทีน เราหายใจตลอดเวลาแม้ยามนอนหลับ ลองไม่หายใจดูซิ อะไรจะเกิดขึ้น หรือแค่เปลี่ยนจังหว่ะการหายใจก็ได้เอ้า ไม่ต้องหายใจแบบรูทีนหรอก ลองซี่

รำพึง 20
วันนี้วันปิยะมหาราช....อ่านหนังสือ พระราชชายาเจ้าดารารัศมี พระมเหสีพระองค์หนึ่งในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว...จึงได้ทราบว่า เครื่องเอกซเรย์แบบ portable ในสมัยนั้น พ.ศ. 2476 สั่งตรงจากเมืองนอกมาทางเครื่องบิน ราคาเครื่องละ 4,200 บาทเศษ

รำพึง 21
เราจะเห็นว่าแม้แต่ต้นไม้ก็ไม่โผล่ขึ้นมาโด่เด่อยู่ต้นเดียว เพราะการมีเพียงต้นเดียวแค่เจอลมพัดแรงๆมันก็จะหักโค่นลงมาได้ เราจึงเห็นแต่ต้นไม้ขึ้นมาเป็นกลุ่มหลายต้นสูงพอๆกัน เป็นสังคมของต้นไม้ แม้ในยามที่มีพายุพัดมาอย่างแรงๆสังคมต้นไม้ยังอยู่ได้อย่างสบาย และประการที่สำคัญคือ เรายังไม่เคยเห็นต้นไม้ต้นใดทำลายสังคมของต้นไม้ของมันเองจนย่อยยับไป

       รำพึง 22
เพราะมีความสว่างจึงรู้ว่ามีความมืด
เพราะมีความมืดจึงรู้ว่ามีความสว่าง
       นั่นแหล่ะ Radiographic Contrast

     สวัสดี

Related Links: