วันพุธที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

เล่าเรื่อง “หมาจรจัด ๒๕๕๕”


(9,382ครั้ง)
เรื่องนี้เกิดขึ้นประมาณ 3 ปีแล้ว..................

ไอ้จ้อน หมาจรจัด โทรมมาก มันแวะมาที่หน้าบ้านทุกวัน มันมากินข้าวที่ภรรยาผมจัดให้ ที่บ้านก็มีเจ้าลักกี้ หมาพันธ์ผสมบางแก้ว ทีแรกมันก็ใช้สายตาและเสียงขู่ข่มกันรอดผ่านช่องประตูหน้าบ้าน ต่อมามันก็เป็นเพื่อนกัน เวลาที่ลักกี้ดื้อ พอเราบอกว่า ไอ้จ้อนมาแล้ว เจ้าลักกี้ดูสงบขึ้นและวิ่งมารอที่ประตูหน้าบ้านด้วยใจจดจ่อ เหมือนจะถามว่า ไหน จ้อนอยู่ไหน
เผอิญบ้านผมอยู่ติดกับวัด ได้เห็นหมาวัดหลายตัวอยู่มานาน ได้เห็นวัฒนธรรมของหมาวัด... ไอ้จ้อนหมาจรจัดสภาพโทรมพลัดที่มา มันโดนหมาหมู่รุมเลย กว่าจะสงบก็นานโขทีเดียว ไอ้จ้อนเจ็บบ้าง แต่มันก็ตื้อจนหลายวันต่อมา มันก็อยู่รวมกับหมาในวัด กินข้าววัด และทุกวันมันก็แวะมากินข้าวที่บ้านผมพร้อมเจ้าลักกี้ด้วย เสร็จแล้วกลับวัดไม่ไปไหน มันคงได้คิดแล้วละว่า...วัดเป็นที่ที่ปลอดภัยแล้วแม้จะมีหมาวัดรุนพี่จัดรับน้องแรงไปหน่อย
ทุกวัน เมื่อเสียงกลองเพลดังขึ้น จะได้ยินเสียงหอนของหมาวัดตามมา เสียงดังลั่นวัด บางคนที่อยู่แถวบ้านบอกว่า แปลกเน้อ หมาได้ยินเสียงกลอง มันต้องส่งเสียงหอนทุกทีผมก็บอกว่า ไม่น่าแปลกนะ ถ้ามันไม่หอนนี่ซิแปลก ย้อนมาดูจิตของเรา เหมือนเสียงกลองกับหมาหอนเลย เมื่อไรก็ตามที่มีเรื่อง ดีหรือร้ายเกิดขึ้น (เสียงกลอง) มันมากระทบจิตของเรา แล้วจิตยึดมั่นปรุงแต่งป็นสุข-ทุกข์ (เสียงหอน) ในทันที เป็นแบบนี้ทุกคนไหมครับ
ลักกี้ และประตูวัด ที่ไอ้จ้อนเดินออกมากินข้าวเย็นทุกวัน
ไอ้จ้อนเริ่มโตขึ้นเรื่อยๆตัวใหญ่มาก ใหญ่กว่าลักกี้ ระหว่างนั้นมีเพื่อนบ้านหลังที่อยู่ไกลออกไปหน่อยรับไปเลี้ยง ผมสังเกตเห็นว่ามันมีปลอกคอด้วย สวยเก๋ ทำด้วยเหล็ก เพื่อนบ้านคนนั้นจูงไอ้จ้อนมาเดินเล่นเกือบทุกวัน และก็เกือบทุกวันที่มันแอบแวะมากินข้าวมื้อค่ำที่บ้านผม มาคุยกับลักกี้คงเพราะเคยชิน
วันหนึ่ง ได้ข่าวว่าเพื่อนบ้านคนนั้นได้รับอุบัติเหตุสาหัส ต้องนอนโรงพยาบาลเป็นเดือนๆ ปรากฏว่า ไอ้จ้อน ต้องกลายสภาพมาเป็นหมาจรจัดที่มีปลอกคออีกครั้ง
เรื่องบังเอิญร้ายๆก็เกิดกับไอ้จ้อน วันหนึ่งภรรยาผมเห็นมันร้องอิ๋งๆเหมือนจะบอกอะไร แต่ก็เดาไม่ออก หลายวันต่อมาจึงได้รู้ความจริง โอ้แม่เจ้า ปลอกคอที่เป็นเหล็กนั้น รัดคอมันแน่นมาก กดรอบๆคอของมันจนเลือดซิบ ระหว่างที่เพื่อนบ้านไปนอนโรงพยาบาลเป็นเดือนๆ ไอ้จ้อนมันโตขึ้นอีกจนเกิดปัญหากับปลอกคอ
วันถัดมามันเริ่มร้องครวญคราง ภรรยาผมสงสารมัน ด้วยความที่เลี้ยงดูกันมาก็มีความผูกพันกัน จึงโทรปรึกษาสัตวแพทย์เพื่อขอความช่วยเหลือ หมอบอกต้องวางยาสลบเพื่อตัดปลอกคอออก
พวกเราช่วยกันตามหาไอ้จ้อน ขณะที่ไอ้จ้อนเริ่มหงุดหงิดไม่ยอมให้จับตัวแล้ว ภรรยาผมจึงขอร้องให้คิวมอเตอร์ไซด์ช่วยกัน โอบล้อมต้อนมาทางหมอจนสามารถยิงลูกดอกยาสลบถูกไอ้จ้อน ไอ้จ้อนวิ่งเตลิดหนีไปด้วยความตกใจ คราวนี้เลยยุ่งกันใหญ่ เพราะกลัวมันไปนอนสลบใต้ท้องรถยนต์คราวนี้ได้ตายแน่ คิวมอเตอร์ไซด์ช่วยกันหาไอ้จ้อนทุกซอกทุกมุม แล้วก็หาจนเจอ ช่วยกันอุ้มมาหาหมอขณะสลบเหมือด หมอโกนขนรอบคอของมันแล้วตัดปลอกคอออกไป ใส่ยาให้ก็เรียบร้อย เหลือแค่รอมันฟื้น ระหว่างนั้นคนมามุงดูกันเยอะมาก สงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น
วันนั้นผมยังไม่กลับจากทำงาน งานนี้ภรรยาผมลุ้นช่วยเต็มที่ ก่อนเริ่มภารกิจได้บอกชัดไปเลยว่า เรื่องเงินไม่ต้องห่วงหนูรับผิดชอบเอง เลยจ่ายไป 2000 กว่าบาท ค่าหมอ-ยา 500 บาท ค่าวินมอเตอร์ไซด์ 1500 บาท ทีแรกวินมอเตอร์ไซด์ที่ช่วยกันไม่ยอมรับ ภรรยาผมก็บอกว่าเอาไปเถอะพี่เลี้ยงข้าว (คงมีเหล้าบ้าง) ก็เลยรับไป
ไอ้จ้อนจึงรอดตายมาได้ และก็ยังเป็นเรื่องเล่าขานกันแถวบ้านผมถึงทกวันนี้

หลังจากรอดพ้นวิกฤติคราวนั้น ไอ้จ้อนเหมือนรู้ว่า ใครช่วยมันไว้ มันวนเวียนมาที่บ้านบ่อยขึ้น คล้ายจะบอกว่า ขอบคุณมากนะครับลักกี้ก็ดูจะคึกคักมากกว่าเดิมเมื่อจ้อนมาที่บ้าน
เวลาที่ภรรยาผมเดินออกจากบ้านไปตลาดนกกระจอก เดินห่างจากบ้านได้แค่สามหลัง ไอ้จ้อนโผล่มาจากไหนก็ไม่รู้ มันจะวิ่งมาหาด้วยความลิงโลดใจ และเดินตามไปเป็นเงาตามตัวเลย เป็นแบบนี้เกือบทุกครั้ง
ไอ้จ้อนมันรู้ได้อย่างไรว่าภรรยาผมเดินออกจากบ้าน ทั้งๆที่ก่อนออกจากบ้านได้มองซ้ายขวา มองไปตามถนนไกลออกไปก็ไม่เห็นมีหมาสักตัว ไอ้จ้อนมันทำแบบนี้กับภรรยาผมเท่านั้น กับคนอื่นๆเห็นมันเฉยๆ หลายคนบอกว่า หมาจมูกไว มันจำและรู้ได้บวกสัญชาติญาณความซื่อสัตย์ของมัน
บางครั้งเดินๆไป เจอหมาเจ้าถิ่นระหว่างทาง ไอ้จ้อนก็ยังเดินตามภรรยาผมไป บางทีก็ฟัดกันวุ่นวาย ต้องเข้าไปแยก แต่มันก็ไม่เลิกติดตาม เหมือนเป็นภารกิจที่มีใครสักคนที่มองไม่เห็นมอบหมายมา
เพื่อนบ้านแถวนั้นพากันบอกว่า ไอ้จ้อน มึงโชคดีว่ะ ไม่งั้นมึงตายไปแล้ว
เสียงกลองเพลดังขึ้น หมาในวัดหอน ไอ้จ้อนก็หอนตาม มันห้ามการหอนไม่ได้จริงๆ ทำไมมันเหมือนจิตของคนจังเลย เอ! หรือว่าจิตของคนเหมือนมัน
เวลาผ่านไปไม่ถึงขวบปี คราวนี้ ไอ้จ้อนต้องพบวิกฤติหนักสุดในชีวิต
ไอ้จ้อนป่วยหนักเพื่อนบ้านที่รับไปเลี้ยงดูตอนแรกกลับมาแล้ว ก็ดูแลกันไป เราไม่ได้เห็นไอ้จ้อนหลายวัน ลักกี้ก็ออกอาการแปลกๆ
แล้ววันหนึ่งมันเดินมาหาที่บ้านในสภาพที่โทรมสุดๆ ลักกี้ดีใจ กินข้าวซะจ้อน เป็นไรไป ทำไมโทรมอย่างนี้ล่ะภรรยาผมรีบจัดให้เหมือนเดิม มันก็ดมและกินไปนิดนึง กลัวเสียมารยาท เหมือนจ้อนจะรู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับมัน มาคราวนี้ราวกับว่าจ้อนมันมาล่ำลาเป็นครั้งสุดท้าย มันคงรวบรวมพลังที่มันมีอยู่น้อยนิดเดินมาหา จากวันนั้นเราไม่เห็นจ้อนอีกเลย สองสามวันต่อมาได้ข่าวว่าไอ้จ้อนป่วยตายแล้ว หมาแถวบ้านก็ตายพร้อมๆกับไอ้จ้อนร่วม 10 ตัว หมอบอกว่าอาจเป็นโรคติดต่อ
ชีวิตของไอ้จ้อนหมาจรจัดได้จบลงเร็วเกินไป เรื่องราวของจ้อนยังคงอยู่ในวงสนทนาแถวๆบ้าน

     “โชคดีนะจ้อน

3 ความคิดเห็น:

  1. เรื่องนี้ เคยเล่าในเฟสบุ๊คเมื่อวันสงกรานต์ที่ผ่านมานี้ เล่าไว้สามตอนจบ จึงนำมาต่อเป็นตอนเดียวจบครับ เพิ่มรูปลักกี้และประตูวัด สถานที่จริงเข้าไปด้วยครับ

    ตอบลบ
  2. รวบนวมคอมเม้นท์จากเฟสบุ๊ค.........

    ประเด็นหมาได้ยินเสียงกลองแล้วต้องหอน...................
    Susinee Wongsomtrakul....
    เป็นค่ะอาจารย์ แต่พอรู้สึกตัวต้องรีบปล่อยวางค่ะ ทำได้บ้าง ไม่ได้บ้าง
    Samrit Kittipayak.........
    เป็นครับ...ผมก็หอนเอ้ย...รู้สึกอยากทุกทีเมื่อมีคนเคาะกะละมังเอ้ย...พูดถึงเรื่องอาหาร เอิ้กๆๆ ปล.อยากเป็นไอ้จ้อน จะได้กินข้าวฝีมือพี่จิ๋มทุกวัน เอิ้กๆๆ :)

    ประเด็นตอนช่วยไอ้จ้อนให้รอดจากปลอกคอ.....................
    Noosuji Jew....
    พี่จิ๋มสุดยอดฮีโร่
    วราภรณ์ คำขวา.....
    แฟนอาจารย์สุดยอดเลยค่ะ
    ธารารัตน์ อ่อนอินทร์......
    วีรสตรีของสัตว์เลี้ยงแสนรักเลยทีเดียว
    Samrit Kittipayak.....
    ถ้าพี่จิ๋มไม่ช่วยไอ้จ้อนแย่แน่...ปลอกคอรัดคอทรมานแย่ครับ ผมว่าปกติหมามันไม่ค่อยชอบปลอกคอนะครับ...หมาที่บ้านพอใส่ให้...มันทำหน้าเซ็งมากเลยครับ เอิ้กๆๆ
    Sunisa Yungyuen.....
    ติดตามอ่านเลยนะ พรุ่งนี้ลุ้นตอน 3 นะคะ อาจารย์
    Rossarin Watcharakran.....
    มดชอบมากกกกก
    Tachrisa Tong.....
    ตั้งตารออ่านตอนต่อไปค่ะอาจารย์

    ตอนไอ้จ้อนตาย..................
    Rossarin Watcharakran.....
    เศร้าอ่ะคะ
    Nadz Sunthonwat.....
    ตามอ่านมาทั้ง 3 ภาคเลยคะอาจารย์ ^^ เอาลงนิตยสารได้นะคะ เยี่ยมมากกกก
    Maew Ankhana.....
    เศร้าค่ะ เป็นเหตุผลที่ไม่่อยากเลี้ยงหมาแล้ว พอมันจากไปมันเศร้าและเสียใจมาก
    Aom Jung.....
    สงสารมันจังเลยค่ะ ชีวิตรันทด
    Noosuji Jew.....
    ถ้าอาจารย์เขียนหนังสือต้องมีแฟนคลับติดตามเยอะแน่ๆเลยค่ะ
    Buasri Janin.....
    แปลกน๊ะค๊ะอาจารย์ หมามันไม่เห็นหน้าคนช่วยมันด้วยซ้ำ มันยังจำได้ และพยายามตอบแทนโดยการคอยระวังภัยให้ เหมือนเป็น Bodygard แต่คนทั้งที่รู้ ที่เห็น กลับหักหลัีง แทงข้างหลังกันได้ แปลกใจจริง ๆ (สรุป คนเป็นสัตว์ประเสริฐจริงหรือค๊ะ ?)
    ธารารัตน์ อ่อนอินทร์.....
    ในฐานะเลี้ยงน้องหมา " วาระสุดท้าย" สิ่งที่น้องหมาเขาต้องการคือ อยู่กับเจ้าของ...และบอกตรงๆไม่อยากให้ถึงวันที่มันต้องจากไป แค่มันป่วย ก็น้ำตาไหลแล้ว TT
    วราภรณ์ คำขวา.....
    ไปดีนะจ้อน
    Weare Theworld.....
    T_T

    ตอบลบ
  3. ไม่ระบุชื่อ2 มกราคม 2557 เวลา 22:16

    แถวบ้านเรามีหมาจรจัดมากมายมีบ้างคนเอาข้าวไปวางให้หมาจรจัดกิน แต่ไม่เห็นมีใครพาพวกมันที่เป็นโรคไปรักษา ที่สำคัญไม่มีใครรับผิดชอบเวลาพวกมันไปขี้ไปเยี่ยวในซอย ทำให้เหม็นมากๆ ก่อความเดือดร้อนรำคาญ ซึ่งก็ไม่มีใครที่จะรับผิดชอบเช่นกัน

    ตอบลบ