วันศุกร์ที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2564

ประสบการณ์ตรงในดงโควิด: DAY 2-9

 จาก DAY 1 ที่เรามาถึง Hospitel RPP มีความรู้สึกว่าเหมือนครอบครัวเราหนีภัยสงคราม "สงครามโรค" ที่มีกระสุนโควิดที่มองไม่เห็นปลิวว่อนเต็มไปหมด แพ็คสัมภาระใส่กระเป๋าอย่างรีบเร่ง เมื่อมาถึงลงทะเบียนเข้ารับการรักษาแล้วได้ทำ CXR และตรวจเลือด ตกถึงตอนกลางคืน จึงรู้ผล

ปอดของผมใสกิ๊กในครั้งแรก โควิดยังไม่เข้าโจมตีปอด อาการทั่วไปปกติ ไม่ไอ ไม่จาม ไม่มีผื่นแดง ตัวไม่ร้อน ไม่เหนื่อย ค่า vital sings พวก BP, rate, temp, SpO2(96-98%) ปกติ เป็นแบบนี้ทุกวัน แต่ BP ค่อนข้างสูง ซึ่งผมมีโรคความดันสูงและกินยาควบคุมอยู่แล้ว  BP มาขึ้นตอนนี้ อาจเพราะผลของยาที่กินเพิ่มเติม และหมอได้จ่าย CPM ให้กินวันละสามมื้อ ผมแอบดื้อกินแค่ก่อนนอน หลับสนิทยาวทั้งคืนเลย แต่พลังงานของผมถูกโควิดดูดหายไปมาก ถามว่าเครียดไหม ไอ้เจ้า smart watch มันบอกว่า ระดับความเครียด 30 แปลว่า เครียดน้อยมากๆๆ เชื่อ smart watch ครับ 😁 ตามโปรโตคอลใน DAY 4 จะมีการทำ CXR ซ้ำ แต่ผมไม่ต้องทำ

ของภรรยามีลุ้น!! ใจผมเต้นแรงตั้งแต่วันแรก!!🤔 เมื่อรู้ว่า ปอดด้านขวา RML มีการอักเสบ แต่หมอบอกอักเสบไม่มากนัก อาการทั่วไป ปวดเมื่อยมากตามตัวตั้งแต่เอวลงมา ไอบ้าง ไม่จาม ไม่มีผื่นแดง ตัวไม่ร้อน เหนื่อยเล็กน้อย ทานอาหารได้อร่อย ค่า vital sings พวก BP, rate, temp, SpO2(94-96%) ปกติ เป็นแบบนี้ทุกวัน แต่ SpO2 จะต่ำกว่าของผมเล็กน้อย ซึ่งก็ได้เครื่องผลิตออกซิเจนจากชาวเรามาช่วยเติมออกซิเจนให้ชีวิตมีพลังขึ้น บอกตามตรงว่า ได้แอบคิดในใจลำพัง "หรือว่าเราสองคนจะเดินทางมาถึงวาระสุดท้ายแล้วกระมัง" ไม่ยอมบอกภรรยากลัวเสียกำลังใจ ไม่แน่ใจว่าพัฒนาการของอาการโรคโควิดจะไปทางไหน ดีขึ้นหรือแย่ลง แต่กำลังใจจากลูกหลานและชาวเราล้นเปี่ยม สู้ครับ!!

ภรรยาได้ทำ CXR ซ้ำใน DAY 4 เป็นครั้งที่สอง ผลปอดมี slightly improvement ไม่ถึงขั้น progression ครับ คลายความกังวลลงมาบ้าง แต่ต้องไปลุ้น CXR วันที่ DAY 7 อีกครั้ง หลังจากที่ได้ทำ CXR ในวันที่ DAY 7 ผลออกมาน่าพอใจ และอาการทั่วไปดีขึ้นมาก ค่อนข้างโล่งอก สงสัยอยากกลับบ้าน!!

เรื่องอาหารการกิน Hospitel จัดให้ทุกวันไม่ซ้ำเมนู เวลา 7:00, 12:00 และ 17:00 น.  เป็นอาหารธรรมดาที่กินปกติในชีวิตประจำวัน อร่อยมาก เรื่องอาหารไม่มีเบื่อ มื้อเช้าจะมีกาแฟให้ด้วย และที่ห้องมีกาต้มน้ำร้อนไฟฟ้า สามารถชงกาแฟ น้ำขิง มาม่า ฯลฯ ได้สะดวก

สถานการณ์โควิดยังแรงอย่างต่อเนื่อง ด่านหน้าขาดแคลนออกซิเจน ที่ Hospitel ก็เช่นกัน อยากที่บอกว่าภรรยามีอาการเหนื่อย อยากได้ออกซิเจน อาจารย์บุญชัยจากรพ.จุฬารีบส่งเครื่องผลิตออกซิเจนมาให้ถึงที่ Hospitel รพ.ราชพิพัฒน์ ตั้งแต่ DAY 2 ขอบคุณมากครับ  เราต้องฝ่าวิกฤติโควิดให้ได้ ขอชื่นชมอัศวินชุดขาว PPE ด่านหน้าทุกคนครับ การที่ผมติดเชื้อโควิด ทำให้ได้เห็นการทำงานจริงของพวกเขา มันหนักหนาสาหัสและเสี่ยงจริงๆ 

ดังนั้น กิจวัตรประจำวันที่ Hospitel ของเราต้องดูแลตัวเองให้ได้มากที่สุด เพื่อลดความเสี่ยงให้เจ้าหน้าที่ จะได้ไม่ต้องเข้ามาใกล้ชิดเรา หลักๆได้แก่

     วัดค่า BP, rate, temp, SpO2 ของตัวผมเองและภรรยา แล้วส่งข้อมูลเข้าแอพไลน์ของ RPP-Hospitel พร้อมแจ้งอาการว่ามีอะไรบ้าง ปกติไหม ทำวันละสองครั้ง คือ 7:00 และ 16:00 น.
     ออกจากห้องเพื่อไปรับอาหารและยา (ถ้ามี) วันละสามครั้ง คือ 7:00, 12:00 และ 17:00 น.
     ทำความสะอาดห้อง เก็บขยะไปทิ้งวันละ 2 ครั้ง 
     กินยาตามหมอสั่ง ผมกินฟาวิพิราเวียร์ 50 เม็ด/5วัน (เช้า-เย็น)  ภรรยากินฟาวิพิราเวียร์ 50 เม็ด/5วัน (เช้า-เย็น) พอหมดแล้วหมอให้กินต่ออีก 50 เม็ด/5วัน ควบคู่กับยารักษาอาการปอดอักเสบอีก 80 เม็ด/10วัน(เช้า-เย็น)

ซึ่งเจ้าหน้าที่จะส่งข้อความมาในแอพไลน์ของ RPP-Hospitel เพื่อแจ้ง กิจกรรมที่เราจะต้องทำ เช่น นัดหมายทำ CXR, หากค่า SpO2 ต่ำ จะแจ้งให้วัดซ้ำ เป็นต้น และตอนเช้าจะมีคุณหมอมาราวน์ทางโทรศัพท์ ซักถามอาการเพิ่มเติมจากที่เราแจ้งไว้ในแอพไลน์ของ RPP-Hospitel

เมื่ออาการของเราโดยเฉพาะภรรยาดีขึ้นตามลำดับ ก็ได้เวลากลับมาพักฟื้นต่อที่บ้าน หมออนุญาตให้กลับไปพักฟื้นต่อที่บ้านได้และออกใบรับรองแพทย์ให้โดยไม่ต้องตรวจหาเชื้อโควิดซ้ำ เพราะตรวจไปก็เจอเชื้อโควิดอยู่ดีและเป็นเชื้อตาย และเราผลระยะการแพร่เชื้อโควิดแล้ว ดีใจ!! รีบแพ็คสัมภาระใส่กระเป๋า แจ้งลูกชายให้ขับรถมารับ 
#ขอบคุณทีมงานHospitelRPP #ขอบคุณอัศวินชุดขาว #ขอบคุณนักรบรังสีแนวหน้ากล้าตาย

เมื่อมาพักฟื้นต่อที่บ้าน ได้แจ้งอาการและ vital sign ให้กับหมอที่ รพ.ราชพิพัฒน์ทราบทุกวัน ด้วยความคิดถึงลูกและหลานชาย ที่แยกไปอยู่ที่บ้านอีกหลังเพื่อความปลอดภัย ตอนนี้อยากให้กลับมาอยู่ด้วยกันเพราะปู่กับย่าหายป่วยแล้ว โดยเฉพาะ หลานชายปกติตอนสบายดีจะชอบมานอนด้วยกันกับปู่และย่า จึงปรึกษาหมอว่าครบ 14 วันแล้วสามารถนอนด้วยกันได้หรือยัง คุณหมอแนะนำว่า ขอให้ครบ 21 วันนับจากวันที่ตรวจเจอโควิดจะชัวร์ที่สุด ก็ต้องตามนั้น อดทนหน่อยครับ

ระหว่างอยู่ที่ Hospitel ทราบว่า หลานชายเจ้าคุณเรียนออนไลน์อยู่ที่บ้านกับแม่ ก็มีเพื่อนเปิดไมค์มาขอโทษครูที่เข้าเรียนสาย "พ่อเป็นโควิด รพ. มารับตัวไป ผมไปบ๊ายบายพ่อมาครับ"

😟😮‍💨โธ่เอ๊ย!! โควิดโหดร้ายมาก

"โควิดมองไม่รู้ ดูไม่เห็น ติดง่าย!! จงป้องกันตัวเองอย่างเข้มข้นสูงสุด"  ครับชาวเรา

Related Links:

1.ประสบการณ์ตรงในดงโควิด: ก่อน DAY 1

2.ประสบการณ์ตรงในดงโควิด: DAY 1

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น