เรื่องหนัก-เบา ที่เขาใหญ่
ลำตะคอง (มองจากสวนเมืองพร) |
สิบกว่าปีครับที่ไม่ได้ขับรถเส้นทางจากกรุงเทพฯ-สระบุรี-โคราช
ปกติจะเหาะข้ามไปเลย
วันที่
7-9 กันยายน
2555 สบโอกาสเหมาะ
ที่ที่ผมทำงานอยู่คือ ภาควิชารังสีเทคนิค คณะเทคนิคการแพทย์ มหาวิทยาลัยมหิดล นัดกันไปทั้งคณะเพื่อทำแผนกลยุทธ์ที่โรงแรมโรแมนติก
เขาใหญ่ ไปทุกปีครับเพื่อทบทวนแผน
แต่คราวนี้เป็นพิเศษหน่อย เป็นแผนรอบใหม่คือ พ.ศ. 2556-2560 ก็เหมือนการทำแผนยุทธศาสตร์หรือแผนกลยุทธ์
ที่ทุกๆหน่วยงานทำกัน เพื่อให้ทุกคนมองเห็นเป้าหมายและทิศทางที่จะเดินไปด้วยกัน สำรวจตัวเอง
สำรวจภายนอกองค์กร หาช่องว่าง มองโอฟี่หรือ OFI
(opportunity for improvement) คือหาทางแก้ไขปรับปรุง
จะใช้วิธีการไหนก็ว่ากันไป แต่ที่ทำงานตอนนี้ใช้วิธีการของ TQA หรือ
EdPEx
เมื่อพูดถึงการทำแผนกลยุทธ์
ก็ให้นึกถึงเพลงๆหนึ่งอีกสักครั้ง เชื่อว่าชาวเราหลายๆคนคงเคยฟัง และอีกหลายคนชื่นชอบ
ชื่อเพลงว่า "ทหารใหม่ไปกอง" ที่ยอดรัก สลักใจ ร้องเอาไว้ เนื้อเพลงเป็นทำนองว่า
ทหารใหม่จะต้องไปทำหน้าที่ในแนวหน้าสองปี ต้องมีการวางแผนและเตรียมการก่อนไป มีความหมายออกแนวการวางแผนกลยุทธ์ของทหารใหม่
ลองหาฟังดูครับในท่อนที่ว่าต่อไปนี้ค่อนข้างชัดเจน
"เป็นห่วงแม่คนแก่คนเฒ่า
น้อยไปเฝ้าดูแม่ด้วยหนา หมูอย่าเลี้ยงมันเสี่ยงนะแม่ ตอนนี้แย่ข้าวลงราคา
นาแปลงไหนเอาให้เขาเช่า และได้จำนำข้าวนะจ๊ะแม่จ๋า ถ้าน้อยเขามีแฟนใหม่
ไปขอละมัยให้ผมแม่จ๋า"
นอกจากนี้
เนื้อเพลงมีการอัญเชิญพระเครื่องติดตัวไปด้วยหลายวัด รอบครอบไหมล่ะ
ผมร่วมกับทีมงานทำแผนกลยุทธ์ที่เขาใหญ่
ขับรถไปเองครับ ต้องมีการเตรียมการเหมือนกัน
ก่อนออกเดินทาง
เช็คสภาพรถซะก่อน ตามระบบควบคุมคุณภาพ ลมยางทั้งสี่ล้อและยางอะไหล่ สภาพยาง น้ำมันเบรก
สายพาย สภาพท่อน้ำและระดับน้ำระบายความร้อนเครื่องยนต์ ระดับน้ำที่ปัดน้ำฝน ระดับน้ำกลั่นแบตเตอรี่
ไฟใหญ่(สูง-ต่ำ)-หรี่-เลี้ยว-เบรก เคลือบกระจกด้วยน้ำยากันน้ำเกาะเพราะเจอฝนแน่ๆ แอร์
ฯลฯ แล้วก็เติมน้ำมันเต็มถังครับ
ปกติจะไปกันหมดบ้าน
แต่ตอนนี้ลูกๆโตแล้วจึงไม่ว่างไปกับเรา ที่สุดลูกชายคนเล็กตัดสินใจไปด้วย ทำแผนครั้งนี้จึงไปกันสองคนพ่อลูก
ทว่าก่อนไปดูเหมือนลูกชายจะเริ่มเป็นหวัด แม่จึงต้องตามไปด้วย
สรุปคือไปกันสามคนพ่อแม่ลูก
ระหว่างขับรถไปตามทางหลวงหมายเลข
2 จากสระบุรีประมาณ
50 กิโลเมตรถึงฟาร์มโชคชัย
ถนนเป็นแบบวิ่งออก 3 ช่องจราจร
วิ่งเข้ากรุงเทพฯอีก 3 ช่องจราจรแยกกัน
(บางช่วงตอนเข้าเมือง
จะเข้า 5
ช่อง ออก 5 ช่อง)
ขึ้นเขาลงเขาเป็นระยะๆ สะดวกครับ แต่บางจังหวะรถบรรทุกจะวิ่งคู่กันสองช่องซ้ายมือ
เหลือช่องขวามือสุดเพียงช่องเดียว ทั้งที่มีป้ายเตือนห้ามรถบรรทุกใช้สองช่องขวามือแต่คนขับรถบรรทุกไม่ปฏิบัติตาม
รถเก๋งซึ่งใช้ความเร็วสูงหน่อยจึงขับมาออกันทำให้ชะลอตัว พื้นผิวจราจรบางช่วงขรุขระมากเสียหายครับควรซ่อมด่วน
จากฟาร์มโชคชัยขับต่อไปอีก
10 กิโลเมตรถึงทางแยกเลี้ยวขวาไปเขาใหญ่
จากทางแยกขับมุ่งไปทางเขาใหญ่ต่อไปอีก 15
กิโลเมตรถึง Palio แล้วขับต่อจาก Palio ไปอีก 1 กิโลเมตร
ก็ถึงโรงแรมโรแมนติก ถนนเส้นนี้ช่วงแรกเป็น
4 ช่องจราจร ไปสองกลับสอง ต้องขับระวังนิดนึง
และพอใกล้จะถึงที่หมาย ถนนจะแคบลงอีกเหลือ 2
ช่องจราจร ไปหนึ่งกลับหนึ่ง ต้องระวังมากขึ้น
ด้านหน้าทางเข้า Palio เขาใหญ่
|
ด้านใน Palio เขาใหญ่
|
ตลอดเส้นทางจากสระบุรีถึงที่หมายนั้น
ทีมของเรามีความเห็นตรงกันว่าทิวทัศน์สองข้างทางดูแปลกตา
ไม่เหมือนเส้นที่ไปพัทยาหรือหัวหิน
ทีมของเราออกจากบ้านแถวสี่แยกบ้านแขกตั้งแต่ห้าโมงเช้า
ถึงโรงแรมโรแมนติกสี่โมงเย็น ใช้เวลาเดินทางห้าชั่วโมง
รถเยอะการจราจรไม่ติดขัดครับแต่ทีมของเราแวะระหว่างทางบ่อยมาก
ทำแผนเสร็จ
ขากลับแวะ ขับรถย้อนขึ้นไปลำตะคอง ไปทานข้าวที่สวนเมืองพร บรรยากาศดีมาก
เย็นสบายวันนั้นไม่มีฝนตกขณะที่เราทานข้าวกัน เลยเลือกนั่งด้านนอก
ใกล้ธรรมชาติให้มากที่สุด มีสมาชิกจากศูนย์การแพทย์กาญจนาภิเษกมาสมทบด้วย
สนุกกันใหญ่
สวนเมืองพร อาหารอร่อยๆกับบรรยากาศรื่นรมย์
|
เสร็จสับ
ขับรถกลับกรุงเทพฯ ขับไปเรื่อยๆตามเส้นทางเดิมตอนขามาครับ แวะฟาร์มโชคชัย ที่ฟาร์มโชคชัยเห็นสเต็กต้นตำหรับแล้วอดใจไม่ไหว
จัดไปหนึ่งก้อนอยู่เลย อร่อยมาก ส่วนสมาชิกที่เหลือบอกว่าไม่ไหวแล้ว มันจะล้นกระเพาะอยู่แล้ว
Original Steak จากฟาร์มโชคชัย
|
กลับจากเขาใหญ่ถึงบ้านที่กรุงเทพฯวันอาทิตย์ประมาณสองทุ่ม
เรื่องชวนขนลุกขณะเฝ้าไข้
เรื่องนี้ เป็นเรื่องคนละความรู้สึกกับเขาใหญ่ จากรื่นรมย์สู่ลุ้นระทึก
กลับจากเขาใหญ่แล้ว วันรุ่งขึ้น วันจันทร์ที่ 10 กันยายน อาการหวัดของลูกชายทุเลาลงแล้ว แต่ภรรยาเริ่มไม่สบายน่าจะติดเชื้อจากลูกชาย ตกเย็นอาการเริ่มหนัก ตัวร้อน เวียนหัว อาเจียน จึงต้องไปโรงพยาบาลศิริราช พบแพทย์ ENT ที่คลินิกพิเศษ หมอสั่งตรวจเลือดและเสมหะ เพื่อดูว่าติดเชื้อไข้หวัดใหญ่หรือไม่ ต้องรอฟังผลประมาณ 4 ชั่วโมง แพทย์ ENT ส่งให้แพทย์เวรรับช่วงต่อ
กลับจากเขาใหญ่แล้ว วันรุ่งขึ้น วันจันทร์ที่ 10 กันยายน อาการหวัดของลูกชายทุเลาลงแล้ว แต่ภรรยาเริ่มไม่สบายน่าจะติดเชื้อจากลูกชาย ตกเย็นอาการเริ่มหนัก ตัวร้อน เวียนหัว อาเจียน จึงต้องไปโรงพยาบาลศิริราช พบแพทย์ ENT ที่คลินิกพิเศษ หมอสั่งตรวจเลือดและเสมหะ เพื่อดูว่าติดเชื้อไข้หวัดใหญ่หรือไม่ ต้องรอฟังผลประมาณ 4 ชั่วโมง แพทย์ ENT ส่งให้แพทย์เวรรับช่วงต่อ
แพทย์
ENT สั่งการว่า
ถ้าผลออกมา positive ว่าติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ก็ให้นอนโรงพยาบาลเพราะคนไข้
มีอาการ severe
ถ้าผลออกมาเป็น negative ก็ให้นอนโรงพยาบาล
คือไม่ว่าอย่างไรก็นอนโรงพยาบาล ระหว่างรอผลแล็บ ใจมันระทึกและลุ้น
ถ้าผลแล็บออกมาเป็น negstive
อันนี้คงเรื่องใหญ่
เนื่องจากต้องหาต้นตอให้ได้ว่าติดเชื้อตัวไหน ไข้หวัด 2009 หรือไข้หวัดนก
หรืออะไร ทั้งๆที่รู้ว่าอะไรเป็นอะไร จิตใจของผมตอนนั้นก็ยังแกว่ง แต่ก็สงบเร็วและยอมรับความจริงที่มันจะเกิดขึ้นทุกอย่างครับ
โชคยังดีครับที่ผลแล็บออกตอนห้าทุ่มคืนนั้นว่า positive แพทย์ ENT มาดูอาการพร้อมแพทย์เวร
และแนะนำให้กลับบ้านก่อนแล้วมานอนโรงพยาบาลเช้าวันอังคารเพราะกลัวติดเชื้อเนื่องจากไม่มีห้องพิเศษ
เช้าวันอังคารผมพาภรรยามา
admit ชั้น
5 ตึกที่ติดกับคณะเทคนิคการแพทย์
ไม่มีการให้ยาและให้น้ำเกลือในวันแรกนี้
นอนพักอย่างเดียวปล่อยให้ร่างกายสร้างภูมิขึ้นมาสู้กับมัน
วันที่สองจึงเริ่มให้ยาและน้ำเกลือครับ ในวันแรกนั้น ผมอยู่เฝ้าพร้อมกับลูกคนเล็กตั้งแต่เช้าจนสองทุ่ม
ภรรยาบอกให้กลับเถอะนอนคนเดียวได้ ผมกับลูกจึงกลับ ถึงบ้านแล้วนอนหลับ
เกือบจะหลับสนิทแล้วเชียว
ทันใด!!
ประมาณห้าทุ่ม ภรรยาโทรมาบอกให้ผมรีบมาด่วนเลย นอนไม่ได้แล้ว เพราะมีคนมานอนด้วย
ผมจึงรีบนำพระที่บ้านไป พอถึงในห้อง เห็นภรรยากระวนกระวายเหงื่อแตก ก็ปลอบใจ
แล้วถามว่าเรื่องเป็นอย่างไง แกบอกว่าระหว่างนอนเคลิ้มหลับ
มีคนแต่งกายชุดคนไข้สีอิฐอ่อนๆมานอนบนเตียงด้วย ตกใจตื่น ไม่มีอะไร
นอนต่อพอเคลิ้มๆมาอีกและ จึงต้องเรียกให้ผมมานอนเป็นเพื่อน
พอผมเข้าใจเรื่องแล้ว
ผมและภรรยาก็เริ่มกราบบูชาหลวงพ่อพรมวัดช่องแคที่นำไปด้วย และสวดคาถาชินบัญชร
เสร็จแล้วผมก็นอนที่โซฟารับแขก จนถึงเช้า หลับสบายดี
พอตื่นขึ้นตอนเช้า
ภรรยาเล่าให้ฟังว่า เขาโกรธที่เรานำพระมาจึงทำลมพัดอย่างแรงในห้องเมื่อคืน
แต่ภรรยาก็ได้ตั้งจิตอธิษฐานว่าจะทำบุญกรวดน้ำไปให้ ทำให้สงบลงได้
ในคืนต่อๆมาก็ไม่มีเหตุการณ์อะไรแล้ว สงบเรียบร้อยดี
ตอนนี้ภรรยากลับมาพักที่บ้านและหายดีแล้วครับ
เป็นเรื่องแปลกครับ
รับรู้และรู้สึกได้ อธิบายยาก
ปรากฏการณ์ใดที่เกิดซ้ำในโดเมนที่สามารถวัดได้
มี reproducibility และ
precision ดี
มันก็ต้องเป็นเช่นนั้น แต่เรื่องนี้ มันอยู่ในโดเมนที่วัดยากมาก
แค่รับรู้และรู้สึกได้เท่านั้น จึงต้องมองด้วยพื้นฐานความเข้าใจ
ไม่ปักใจไปทางใดทางหนึ่ง คือต้องไม่ลำเอียงว่าใช่หรือไม่ใช่จากข้อมูลที่มีอยู่น้อยนิด
อย่างไรก็ตาม
สำหรับผมเอง เคยเจอเหตุการณ์ทำนองนี้เหมือนกัน ตอนที่ไปทำแผนกลยุทธ์นั่นแหล่ะ ที่โรงแรมจอมเทียนปามล์บีชพัทยาโฮเทล
เมื่อประมาณ 7 ปีที่แล้ว
โรงแรมซึ่งก่อนหน้านั้นหลายปีเกิดไฟไหม้ใหญ่และทำให้มีผู้เสียชีวิตร่วมร้อยคน
ยังมีประสบการณ์แปลกๆทำนองลึกลับ
อธิบายยากแบบนี้ ที่เกิดกับตัวผมเองอีกเมื่อ 20 ปีมาแล้ว
ว่างๆจะเล่าให้ครับ
Related Links:
มหัศจรรย์จากงานกาชาด
คำสาบานของอู๊ด
Related Links:
มหัศจรรย์จากงานกาชาด
คำสาบานของอู๊ด
จาก FB: (1)…..
ตอบลบSamrit Kittipayak:…
บรรยากาสดีมากเลยค้าบบ...อยากไปกินด้วยยย เห็นแร้นอิจฉาเกิ้นนน เอิ้กๆๆ
Tipvimol Meechai:…
คนเสื้อสีน้ำตาลมองด้วยแววตาว่า ทำไมผู้ชายคนนี้มีภรรยางามยิ่งนักค่ะ ^_^
จาก FB: (2)…..
ตอบลบJantima Gerdtin:…
อ่านตอนนี้แล้วหนูจะนอนยังไงล่ะคะอาจารย์
Umpolprot Wongpiem:…
บึ๋ยยย กลับมาผมก็ไข้ขึ้นเหมือนกันครับ
เนาวรัตน์ ไชยพุฒ:…
น่ากลัวจังเลยค่ะ
Samrit Kittipayak:…
ผมว่าพี่จิ๋มหายสนิทดีเพราะคุณผีห้องที่พักนี่ละคับ ว่าแต่ห้องเบอไรคับจารย์ คริคริ
Kanokjit Chinabut:…
เหมือนรายการเรื่องจริงผ่านจอผสมกะคนอวดผีเลยคะอาจารย์
Duangnapa Palungrit:…
น่ากลัวค่ะ
Kitti Treerattanapong
เจอกับตัวเอง คงสติแตกครับ
Apirachar Promyart:…
ถ้าไม่ใช่อาจารย์เล่าหนูไม่เชื่อนะคะนี่...น่ากลัวคะ...ขอร่วมแผ่เมตตาคะ
Haow Radit:…
เป็นผมคงขอย้ายห้องเดี๋ยวนั้นเลยแหละครับ อยู่ไม่ไหวเด็ดขาด
Tipvimol Meechai:…
หยองค่ะ >_< เจอผีต้องขู่ค่ะ บอกมัน เป็นผีไม่พอ อยากเป็นหวัดด้วยหรอมานอนข้างๆ เนี่ย ^++++^
Phatthanan Platoo:…
อาจารย์ค่ะ ร.ร.จอมเทียน อ่ะ พวกหนูไปประชุมกันมาเมื่อเดือน ก.ค.ที่ผ่านมา เองค่ะ บรึ๋ย.....แต่ไม่เจออะไรค่ะ รอดไปค่ะ
สุนทร ถูกจิตร:
ไม่เจอด้วยตัวเอง คนส่วนใหญ่ก็ไม่ค่อยเชื่อครับ ผมคนนึงที่พบว่าพลังงานแบบนี้ มันมีอยู่จริง
Suprawee Uraisin:…
น่ากลัวค่ะ
Pradit Chokchuaicharoenporn:…
แนะนำบริจาคโลงศพครับอาจวรย์..
Artsecret Alldavin:…
น่าขนลุกมากคะ
Kanpicha Limothai:…
น่ากลัวอะจารย์ ถ้าเป็นหนูกลับบ้านคืนนั้นเลยค้า
Taratip Narawong:…
หวังว่าตอนนี้พี่เค้าคงสบายดีแล้วนะคะ อาจารย์ต้องเป็นคนมีของแน่เลย แบบนี้ต้องไปร่วมเล่นละครเรื่อง 'six sense' อิ อิ หวังจะให้คลายเครียดหน่ะค่ะ