บันทึกจากประกายรังสี
[หมายเหตุ: บันทึกไว้เมื่อเดือนสิงหาคม 2564 ขณะรักษาตัวที่ hospitel เนื่องจากติดโควิด เป็นช่วงเวลาที่การระบาดรุนแรงมาก วันแรกที่ทะยานขึ้นเกินสองหมื่นรายต่อวัน ผมและภรรยาเป็น 2 ในสองหมื่นนั้น และบัณฑิตรังสีเทคนิคจบใหม่ยังไม่ได้เข้าสอบขึ้นทะเบียน]
เมื่อบ้านถูกโควิดเจาะทะลวง พอเราตรวจจนแน่ใจว่าผมและภรรยาติดโควิดรู้สึกกังวลใจมาก เพราะสูงวัยทั้งคู่และมีโรคประจำตัว อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่มกราคม 2564 เราทั้งคู่ ฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ วัคซีนป้องกันปอดอักเสบ 23 สายพันธ์ และเดือนมิถุนายนวัคซีนโควิด AZ โชคดีของเราที่มีชาวเราห่วงใยและให้ความช่วยเหลืออย่างดีมากและรวดเร็ว จาก Home isolation ต้องอพยพไป Hospitel เหมือนหนีลูกกระสุนและระเบิดในสงคราม ใช้เวลา 11 วัน ทานยาเป็นกำมือ CXR ไป 3 ครั้ง ตอนนี้กลับมาพักฟื้นที่บ้าน อาการของเราดีขึ้นเกือบ 100% แล้วครับ ขอบคุณชาวเราทุกคนเป็นอย่างยิ่ง อีกประมาณหนึ่งเดือนผลตรวจ PCR น่าจะไม่พบเชื้อโควิดแล้ว และหวังว่าจะไม่ติดเชื้อโควิดซ้ำ
การที่ผมติดโควิด
จึงมีโอกาสเข้าไปอยู่ท่ามกลางผู้ป่วยโควิด (DAY2-9, DAY-1) ได้เห็นกระบวนการการดูแลรักษา
ตระหนักว่า vital signs อาการของเรา และการได้รับยาที่ทันเวลา
คือสิ่งสำคัญ เราสูงวัยทั้งคู่ คุณหมอกลัวโควิดจะลงปอด จึงให้ทำ CXR ร่วมด้วย
โดยที่ Hospitel RPP ใช้รถเอกซเรย์เคลื่อนที่
ผมได้เห็นพัฒนาการของปอดในระหว่างการรักษาไปในทิศทางที่ดีขึ้นก็มั่นใจขึ้น
เนื่องจากมีการอักเสบของปอดจึงได้รับยาเพิ่มเพื่อรักษาให้ตรงโรคโดยระมัดระวังเรื่อง
co-infectious จึงคิดว่า ผู้ป่วยสูงวัยนั้นหากทำ HI อาจจะมีความเสี่ยงสูง
ระหว่างรักษาตัวที่ Hospitel RPP หมอให้พักผ่อนมากๆ
แต่พอมีเวลาก็พูดคุยกับชาวเรา เล่าสู่กันฟังถึงประสบการณ์ที่ได้พบเจอ
โควิดเป็นโรคที่เป็นอุบัติการณ์ใหม่ มีแนวทางหลักๆในการดูแลรักษา
แต่ก็มีรายละเอียดอีกมากที่ต้องการระยะเวลาในการศึกษาค้นคว้าเพื่อปราบโควิดให้อยู่หมัด
นอกจากนั้น ได้มีโอกาสพูดคุยกับชาวเราที่เป็นนักรบรังสีด่านหน้ากล้าตายในที่ต่างๆ
รับทราบตรงกันว่า การทำงานของนักรบรังสีในมหาสงครามโรคโควิดครั้งนี้นั้น มันหนักหนาสาหัสจริงๆ
👉ตัวอย่างการทำ
CXR ผู้ป่วยโควิดของโรงพยาบาลขนาด 678
เตียงแห่งหนึ่งในกรุงเทพมหานคร
ผู้ป่วยสีเขียว ที่จะได้ไป hospitel ทาง
ร.พ.จะไปรับมาคัดกรองก่อน และเอกซเรย์เป็น day 1 ที่ร.พ.นี้
มีตู้ทำด้วยกระจกใสสำหรับให้ผู้ป่วยเข้าไปยืนถ่ายเอกซเรย์ เพื่อช่วยลดการแพร่กระจายเชื้อโควิดในอากาศ
และทำที่ยึดแผ่น detector ไว้อยู่นอกตู้กระจกเพื่อป้องกันการปนเปื้อน
ใช้ portable x-ray เอกซเรย์ผู้ป่วย เป็นรอบๆ วันละ 2
รอบหลังจากเสร็จรอบการเอกซเรย์แต่ละครั้ง ก็ทำลายเชื้อโดยอบด้วยรังสี UV จากผลเอกซเรย์ปอดของผู้ป่วยใน
day 1 นี้ ทำให้ผู้ป่วยบางรายไม่สามารถไปอยู่ hospital
ได้ ต้อง admit ที่ ร.พ.
ส่วนที่ hospitel จะเอกซเรย์ด้วย portable x-ray เช่นเดียวกับที่ ร.พ. เครื่องเอกซเรย์นั้นจะวางในตัวอาคารและเอกซเรย์ผู้ป่วยซึ่งอยู่ภายนอกอาคาร ผ่านผนังซึ่งเป็นกระจกใสบานใหญ่ นักรบรังสีจะเซทตำแหน่งแล้วทำเครื่องหมายของการวางเครื่องเอกซเรย์ ชุดยึดจับแผ่น detector และตำแหน่งที่ผู้ป่วยจะมายืน ซึ่งอยู่ในเต๊นท์กันแดด
ในการถ่ายเอกซเรย์นั้น
นักรังสีเทคนิคมีหน้าที่ตรวจสอบสภาพพร้อมใช้งานของเครื่องรวมทั้งระบบ network
และควบคุมเครื่องเอกซเรย์ ซึ่งจำเป็นต้องปรับค่า exposure
technique สูงขึ้นเล็กน้อย
ผู้ช่วยนักรังสีเทคนิคจะสวมเสื้อตะกั่วไว้ด้านในและสวมคลุมด้วยชุด PPE ปฏิบัติงานอยู่ในเต๊นท์
โดยช่วยจัดท่าผู้ป่วย เลื่อนระดับความสูงของ detector ขึ้นและลงให้สัมพันธ์กับความสูงของผู้ป่วย
กรณีที่เป็นผู้ป่วยทารก เด็กเล็กก็ต้องช่วยอุ้ม
การสื่อสารระหว่างนักรังสีเทคนิค
ผู้ช่วยนักรังสีเทคนิค และผู้ป่วยที่อยู่ในเต๊นท์
จะใช้วิทยุสื่อสารแขวนไว้ในเต็นท์ ในการปฏิบัติงานของนักรังสีเทคนิค มือหนึ่งถือวิทยุสื่อสาร
อีกมือหนึ่งก็ควบคุมเครื่องเอกซเรย์ เรียกและทวนสอบชื่อของผู้ป่วยเพื่อไม่ให้เอกซเรย์ผิดคน ซักซ้อมผู้ป่วยเรื่องการหายใจให้เต็มที่ ทำการเอกซเรย์ ปรับและส่งภาพเอกซเรย์
โดยใช้ระบบ Tele ให้รังสีแพทย์รายงานผลทันที
ในแต่ละวันต้องประสานให้ผู้ป่วยในแต่ละรอบการนัดหมายลงมาเอกซเรย์ให้ตรงเวลา
เพื่อให้สามารถถ่ายเอกซเรย์ผู้ป่วยได้หมดชุดไป
หากผู้ป่วยยังลงมาไม่ครบผู้ช่วยนักรังสีเทคนิคก็จะต้องใส่เสื้อตะกั่วและชุด PPE
รออยู่ในเต๊นท์ บางวันอากาศร้อนมีแดดจัดมาก
ก็อาจเป็นลมล้มพับกันไปเลย การเอกซเรย์ผู้ป่วยแต่ละคนนั้นใช้เวลาไม่มาก แต่ว่า
ในแต่ละวันจะมีผู้ป่วยจำนวนมากประมาณ 40
- 60 คน
และบางวันก็มีขอเอกซเรย์ผู้ป่วยรายอื่นเพิ่มเติมนอกเหนือจากที่ได้นัดหมายไว้
👉ตัวอย่างการทำ
CT scan
การทำ CT scan ให้ผู้ป่วยโควิดในกลุ่มอาการสีแดง
จะทำที่ร.พ. โดยทั่วไปวันหนึ่งจะทำ CT scan ผู้ป่วยโควิด
1 ราย
โดยนัดหมายเวลาที่แน่นอนกับหอผู้ป่วยในช่วงบ่าย ผู้ป่วยโควิดหนึ่งคนใช้เวลาตรวจประมาณ
5-10 นาที ส่วนใหญ่เป็นการทำ CT pulmonary
angiogram ในบางครั้งก็มี CT brain ด้วย
ทั้งคอนทราสต์และนอนคอนทราสต์ ผู้ป่วยจะอยู่ภายในแคปซูลความดันลบ
สามารถสแกนโดยไม่ต้องเคลื่อนย้ายผู้ป่วยออกจากแคปซูล ภาพซีทีอาจเกิด artifact
ได้บ้างหากสแกนผ่านส่วนที่มีความหนาแน่นสูงของแคปซูล แต่ผมได้ทราบว่า
เป็นภาพซีทีที่รังสีแพทย์ยอมรับได้เฉพาะเคสโควิด นักรังสีเทคนิค พยาบาลประจำห้อง CT
และผู้ช่วยนักรังสีเทคนิคสวมชุด PPE โดยพยาบาลและผู้ช่วยนักรังสีเทคนิคพร้อมรอรับผู้ป่วยที่หน้าห้อง
เข็นผู้ป่วยออกจากลิฟท์มาเข้าห้อง CT ได้เลย
เจ้าหน้าที่ที่มาพร้อมผู้ป่วยและผู้ช่วยนักรังสีเทคนิคจะช่วยกันย้ายผู้ป่วยขึ้นเตียง
CT ให้เรียบร้อย แล้วออกไปรอในบริเวณที่กำหนด
นักรังสีเทคนิคซึ่งอยู่ในห้องควบคุม จะกำหนดโปรโตคอลให้ถูกต้อง เซทตำแหน่ง
ทำการสแกนผู้ป่วย ส่งภาพเข้าระบบ รังสีแพทย์รายงานผล หลังจากส่งผู้ป่วยกลับ
ผู้ช่วยนักรังสีเทคนิคจะทำความสะอาดส่วนที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ได้แก่ ลิฟท์ ห้อง CT และอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง
แล้วอบห้องด้วยรังสี UV
สำหรับผู้ป่วยโควิดที่ได้ admit อยู่ที่
ร.พ.นั้น ก็จะได้รับบริการ portable x-ray
ซึ่งในแต่ละวันมีจำนวนมากวันละประมาณ 60
– 70 ราย ทำให้สถิติ portable x-ray ทั้งหมดในแต่ละเดือนพุ่งพรวดๆ
จากสภาวะปกติที่ไม่มีสงครามโควิดมีพันกว่ารายต่อเดือน มาเดือน ก.ค.นี้ ปาเข้าไป 3
พันกว่ารายต่อเดือน
ทั้งหมดทั้งปวงของการปฏิบัติงานในสงครามโควิดนี้
นักรังสีเทคนิคที่แผนกเอกซเรย์ ได้พยายามยึดแนวทางปฏิบัติในการตรวจทางรังสีวิทยา
เช่น การจัดสถานที่ เครื่องมือและอุปกรณ์ การปฏิบัติก่อน ระหว่าง
และหลังการตรวจด้วยภาพถ่ายทางรังสี การปฏิบัติตัวของคนไข้ขณะรับการตรวจ
เพื่อลดความเสี่ยงในการติดเชื้อ COVID-19 ตามที่ราชวิทยาลัยรังสีแพทย์แห่งประเทศไทย
และคณะกรรมการวิชาชีพสาขารังสีเทคนิค ได้เผยแพร่ข้อมูลไว้ เพื่อให้ผู้ปฏิบัติงาน
ผู้ร่วมงาน และครอบครัวอันเป็นที่รักของทุกๆคน ปลอดภัยจากสงครามครั้งนี้
นั่นคือ
ตัวอย่างเพียงส่วนหนึ่งของปฏิบัติการนักรับรังสีแนวหน้ากล้าตายในสงครามโรคโควิด
สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิดยังคงรุนแรงต่อเนื่อง
ผู้ป่วยโควิดสะสมที่รักษาตัวในระบบมีจำนวนร่วมสองแสนคน
จึงไม่แปลกที่บุคลากรทางการแพทย์จะมีภาระ “งานล้นคนไม่พอ”
รวมถึงนักรบรังสีด่านหน้ากล้าตายที่เข้าโรมรันพันตูกับศึกสงครามครั้งนี้ด้วย
บางคนติดเชื้อโควิด ยิ่งไปกว่านั้น ที่สุดแสนจะสะเทือนใจมาก
คือเราต้องสูญเสียนักรบรังสีด้านหน้าซึ่งเป็นรังสีแพทย์อย่างที่ไม่ควรจะเกิด
รู้สึกสลดหดหู่และเศร้าใจยิ่งนัก ขอสดุดีวีรกรรมของนักรบรังสีผู้กล้าผู้เสียสละ
และแม้แต่ชีวิตของตัวเองก็สละได้ จะมีนักรบรังสีอีกกี่คน จะมีบุคลากรทางการแพทย์อีกกี่คน
ที่ต้องสูญเสียไปนับจากนี้ ขอให้เป็นท่านสุดท้ายได้ไหม
ในขณะที่บัณฑิตรังสีเทคนิคจบใหม่ที่พอจะเป็นความหวังเข้ามาช่วยนักรบรังสีพี่ๆ
ก็ยังไม่ได้ใบประกอบโรคศิลปะ สมัครงานก็ยังไม่ได้
โรงพยาบาลต้องการใบประกอบโรคศิลปะ ข้อกำหนดทุกอย่างยังคงกฎเกณฑ์เดิม ยังทำแบบปกติ
เหมือนไม่มีสงครามโรคโควิดเกิดขึ้น พี่ๆนักรบรังสี งานล้น เสี่ยง
บางครั้งรู้สึกท้อแท้มาก อยากมีน้องๆรุ่นใหม่ๆมาช่วยกัน
มันเป็นสถานการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนเลย จะเรียกว่านี่คือสงครามโลกครั้งที่ 3
ก็อาจจะเรียกได้ จึงขอฝากไปยังผู้บริหารที่รับผิดชอบการแก้ปัญหาทั้งหลายทั้งมวล
ได้โปรดพิจารณาประเด็นนี้อย่างเร่งด่วนด้วย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น