คลิ๊กเม๊าขวาที่ภาพ เลือกเปิดหน้าต่างใหม่เพื่อดูภาพขยาย
วันจันทร์ที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2555
วันพุธที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2555
เล่าเรื่อง “หมาจรจัด ๒๕๕๕”
(9,382ครั้ง)
เรื่องนี้เกิดขึ้นประมาณ 3 ปีแล้ว..................
ไอ้จ้อน หมาจรจัด โทรมมาก
มันแวะมาที่หน้าบ้านทุกวัน มันมากินข้าวที่ภรรยาผมจัดให้ ที่บ้านก็มีเจ้าลักกี้
หมาพันธ์ผสมบางแก้ว ทีแรกมันก็ใช้สายตาและเสียงขู่ข่มกันรอดผ่านช่องประตูหน้าบ้าน
ต่อมามันก็เป็นเพื่อนกัน เวลาที่ลักกี้ดื้อ พอเราบอกว่า ไอ้จ้อนมาแล้ว เจ้าลักกี้ดูสงบขึ้นและวิ่งมารอที่ประตูหน้าบ้านด้วยใจจดจ่อ
เหมือนจะถามว่า ไหน จ้อนอยู่ไหน
เผอิญบ้านผมอยู่ติดกับวัด
ได้เห็นหมาวัดหลายตัวอยู่มานาน ได้เห็นวัฒนธรรมของหมาวัด... ไอ้จ้อนหมาจรจัดสภาพโทรมพลัดที่มา
มันโดนหมาหมู่รุมเลย กว่าจะสงบก็นานโขทีเดียว ไอ้จ้อนเจ็บบ้าง
แต่มันก็ตื้อจนหลายวันต่อมา มันก็อยู่รวมกับหมาในวัด กินข้าววัด
และทุกวันมันก็แวะมากินข้าวที่บ้านผมพร้อมเจ้าลักกี้ด้วย เสร็จแล้วกลับวัดไม่ไปไหน
มันคงได้คิดแล้วละว่า...วัดเป็นที่ที่ปลอดภัยแล้วแม้จะมีหมาวัดรุนพี่จัดรับน้องแรงไปหน่อย
ทุกวัน เมื่อเสียงกลองเพลดังขึ้น
จะได้ยินเสียงหอนของหมาวัดตามมา เสียงดังลั่นวัด บางคนที่อยู่แถวบ้านบอกว่า “แปลกเน้อ หมาได้ยินเสียงกลอง
มันต้องส่งเสียงหอนทุกที” ผมก็บอกว่า
“ไม่น่าแปลกนะ ถ้ามันไม่หอนนี่ซิแปลก” ย้อนมาดูจิตของเรา
เหมือนเสียงกลองกับหมาหอนเลย เมื่อไรก็ตามที่มีเรื่อง ดีหรือร้ายเกิดขึ้น
(เสียงกลอง) มันมากระทบจิตของเรา แล้วจิตยึดมั่นปรุงแต่งป็นสุข-ทุกข์ (เสียงหอน)
ในทันที เป็นแบบนี้ทุกคนไหมครับ
ลักกี้ และประตูวัด ที่ไอ้จ้อนเดินออกมากินข้าวเย็นทุกวัน |
ไอ้จ้อนเริ่มโตขึ้นเรื่อยๆตัวใหญ่มาก
ใหญ่กว่าลักกี้ ระหว่างนั้นมีเพื่อนบ้านหลังที่อยู่ไกลออกไปหน่อยรับไปเลี้ยง ผมสังเกตเห็นว่ามันมีปลอกคอด้วย
สวยเก๋ ทำด้วยเหล็ก เพื่อนบ้านคนนั้นจูงไอ้จ้อนมาเดินเล่นเกือบทุกวัน
และก็เกือบทุกวันที่มันแอบแวะมากินข้าวมื้อค่ำที่บ้านผม
มาคุยกับลักกี้คงเพราะเคยชิน
วันหนึ่ง
ได้ข่าวว่าเพื่อนบ้านคนนั้นได้รับอุบัติเหตุสาหัส ต้องนอนโรงพยาบาลเป็นเดือนๆ
ปรากฏว่า ไอ้จ้อน ต้องกลายสภาพมาเป็นหมาจรจัดที่มีปลอกคออีกครั้ง
เรื่องบังเอิญร้ายๆก็เกิดกับไอ้จ้อน
วันหนึ่งภรรยาผมเห็นมันร้องอิ๋งๆเหมือนจะบอกอะไร แต่ก็เดาไม่ออก
หลายวันต่อมาจึงได้รู้ความจริง โอ้แม่เจ้า ปลอกคอที่เป็นเหล็กนั้น รัดคอมันแน่นมาก
กดรอบๆคอของมันจนเลือดซิบ ระหว่างที่เพื่อนบ้านไปนอนโรงพยาบาลเป็นเดือนๆ
ไอ้จ้อนมันโตขึ้นอีกจนเกิดปัญหากับปลอกคอ
วันถัดมามันเริ่มร้องครวญคราง ภรรยาผมสงสารมัน
ด้วยความที่เลี้ยงดูกันมาก็มีความผูกพันกัน จึงโทรปรึกษาสัตวแพทย์เพื่อขอความช่วยเหลือ
หมอบอกต้องวางยาสลบเพื่อตัดปลอกคอออก
พวกเราช่วยกันตามหาไอ้จ้อน
ขณะที่ไอ้จ้อนเริ่มหงุดหงิดไม่ยอมให้จับตัวแล้ว
ภรรยาผมจึงขอร้องให้คิวมอเตอร์ไซด์ช่วยกัน โอบล้อมต้อนมาทางหมอจนสามารถยิงลูกดอกยาสลบถูกไอ้จ้อน
ไอ้จ้อนวิ่งเตลิดหนีไปด้วยความตกใจ คราวนี้เลยยุ่งกันใหญ่
เพราะกลัวมันไปนอนสลบใต้ท้องรถยนต์คราวนี้ได้ตายแน่
คิวมอเตอร์ไซด์ช่วยกันหาไอ้จ้อนทุกซอกทุกมุม แล้วก็หาจนเจอ
ช่วยกันอุ้มมาหาหมอขณะสลบเหมือด หมอโกนขนรอบคอของมันแล้วตัดปลอกคอออกไป
ใส่ยาให้ก็เรียบร้อย เหลือแค่รอมันฟื้น ระหว่างนั้นคนมามุงดูกันเยอะมาก
สงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น
วันนั้นผมยังไม่กลับจากทำงาน
งานนี้ภรรยาผมลุ้นช่วยเต็มที่ ก่อนเริ่มภารกิจได้บอกชัดไปเลยว่า
เรื่องเงินไม่ต้องห่วงหนูรับผิดชอบเอง เลยจ่ายไป 2000 กว่าบาท ค่าหมอ-ยา 500 บาท ค่าวินมอเตอร์ไซด์ 1500 บาท
ทีแรกวินมอเตอร์ไซด์ที่ช่วยกันไม่ยอมรับ ภรรยาผมก็บอกว่าเอาไปเถอะพี่เลี้ยงข้าว (คงมีเหล้าบ้าง) ก็เลยรับไป
ไอ้จ้อนจึงรอดตายมาได้
และก็ยังเป็นเรื่องเล่าขานกันแถวบ้านผมถึงทกวันนี้
หลังจากรอดพ้นวิกฤติคราวนั้น
ไอ้จ้อนเหมือนรู้ว่า ใครช่วยมันไว้ มันวนเวียนมาที่บ้านบ่อยขึ้น คล้ายจะบอกว่า “ขอบคุณมากนะครับ” ลักกี้ก็ดูจะคึกคักมากกว่าเดิมเมื่อจ้อนมาที่บ้าน
เวลาที่ภรรยาผมเดินออกจากบ้านไปตลาดนกกระจอก
เดินห่างจากบ้านได้แค่สามหลัง ไอ้จ้อนโผล่มาจากไหนก็ไม่รู้
มันจะวิ่งมาหาด้วยความลิงโลดใจ และเดินตามไปเป็นเงาตามตัวเลย
เป็นแบบนี้เกือบทุกครั้ง
ไอ้จ้อนมันรู้ได้อย่างไรว่าภรรยาผมเดินออกจากบ้าน
ทั้งๆที่ก่อนออกจากบ้านได้มองซ้ายขวา มองไปตามถนนไกลออกไปก็ไม่เห็นมีหมาสักตัว
ไอ้จ้อนมันทำแบบนี้กับภรรยาผมเท่านั้น กับคนอื่นๆเห็นมันเฉยๆ หลายคนบอกว่า หมาจมูกไว
มันจำและรู้ได้บวกสัญชาติญาณความซื่อสัตย์ของมัน
บางครั้งเดินๆไป
เจอหมาเจ้าถิ่นระหว่างทาง ไอ้จ้อนก็ยังเดินตามภรรยาผมไป บางทีก็ฟัดกันวุ่นวาย
ต้องเข้าไปแยก แต่มันก็ไม่เลิกติดตาม
เหมือนเป็นภารกิจที่มีใครสักคนที่มองไม่เห็นมอบหมายมา
เพื่อนบ้านแถวนั้นพากันบอกว่า “ไอ้จ้อน มึงโชคดีว่ะ
ไม่งั้นมึงตายไปแล้ว”
เสียงกลองเพลดังขึ้น หมาในวัดหอน
ไอ้จ้อนก็หอนตาม มันห้ามการหอนไม่ได้จริงๆ ทำไมมันเหมือนจิตของคนจังเลย เอ!
หรือว่าจิตของคนเหมือนมัน
เวลาผ่านไปไม่ถึงขวบปี คราวนี้
ไอ้จ้อนต้องพบวิกฤติหนักสุดในชีวิต
ไอ้จ้อนป่วยหนักเพื่อนบ้านที่รับไปเลี้ยงดูตอนแรกกลับมาแล้ว
ก็ดูแลกันไป เราไม่ได้เห็นไอ้จ้อนหลายวัน ลักกี้ก็ออกอาการแปลกๆ
แล้ววันหนึ่งมันเดินมาหาที่บ้านในสภาพที่โทรมสุดๆ
ลักกี้ดีใจ “กินข้าวซะจ้อน เป็นไรไป
ทำไมโทรมอย่างนี้ล่ะ” ภรรยาผมรีบจัดให้เหมือนเดิม
มันก็ดมและกินไปนิดนึง กลัวเสียมารยาท เหมือนจ้อนจะรู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับมัน
มาคราวนี้ราวกับว่าจ้อนมันมาล่ำลาเป็นครั้งสุดท้าย
มันคงรวบรวมพลังที่มันมีอยู่น้อยนิดเดินมาหา จากวันนั้นเราไม่เห็นจ้อนอีกเลย
สองสามวันต่อมาได้ข่าวว่าไอ้จ้อนป่วยตายแล้ว หมาแถวบ้านก็ตายพร้อมๆกับไอ้จ้อนร่วม 10 ตัว หมอบอกว่าอาจเป็นโรคติดต่อ
ชีวิตของไอ้จ้อนหมาจรจัดได้จบลงเร็วเกินไป
เรื่องราวของจ้อนยังคงอยู่ในวงสนทนาแถวๆบ้าน
“โชคดีนะจ้อน”
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)